ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนระบุวานนี้ (11 เม.ย.) ว่าจีน “ไม่เกรงกลัว” ซึ่งถือเป็นถ้อยแถลงต่อสาธารณชนครั้งแรกในขณะที่จีนประกาศตอบโต้สงครามภาษีของสหรัฐฯ ด้วยการสั่งเพิ่มภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าอเมริกันเป็น 125%
การขึ้นภาษีในครั้งนี้ถือเป็นการตอบโต้แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟันล่าสุดระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก และมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรีดภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มเป็น 145%
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนออกมาส่งสัญญาณว่านี่อาจจะเป็นการตอบโต้ทางภาษี “ครั้งสุดท้าย” เนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะทำมากไปกว่านี้
“การที่สหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตราภาษีกับจีนครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นแค่เกมตัวเลข และไม่ได้มีความหมายในเชิงเศรษฐกิจอีกต่อไป” โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุในถ้อยแถลงวานนี้ (11)
“มันแค่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของสหรัฐฯ ที่ใช้ภาษีมาเป็นอาวุธกลั่นแกล้งข่มขู่ชาติอื่น และทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลก”
สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession)
ในขณะที่หลายสิบประเทศยอมที่จะก้มหัวขอเจรจาลดภาษีกับทรัมป์ จีนกลับยืดหยัดไม่ยอมแพ้ให้กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการ “บูลลี่ฝ่ายเดียว” ของอเมริกา
ระหว่างหารือกับนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ แห่งสเปนที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ (11) ก่อนที่จะมีการประกาศอัตราภาษีระลอกใหม่ ประธานาธิบดี สี กล่าวว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า และการทำตัวขวางโลกมีแต่จะยิ่งทำให้ตนเองถูกโดดเดี่ยว”
“ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาของจีนตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาตัวเองและการทำงานอย่างหนัก ไม่ใช่แบมือขอจากผู้อื่น และจีนไม่เกรงกลัวการกดขี่อย่างไม่เป็นธรรม” สถานีโทรทัศน์ CCTV อ้างคำพูดของผู้นำจีน
หลังจากที่นิ่งเงียบไม่โต้ตอบตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถ้อยแถลงแรกของผู้นำจีนเป็นการเน้นย้ำสารแห่งความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่และสื่อของรัฐบาลจีนได้เคยประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
“ไม่ว่าบริบทภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนจะยังคงยืนหยัดด้วยความมั่นใจ และมุ่งมั่นบริหารจัดการกิจการของเราเองให้ดี” สี จิ้นผิง กล่าว
เมื่อวันพุธ (9) ทรัมป์ ตัดสินใจชะลอการรีดภาษีคู่ค้าทั่วโลกออกไปอีก 90 วัน ยกเว้นแค่จีนเพียงประเทศเดียว ซึ่งปักกิ่งก็ดูเหมือนจะพยายาม “เคลม” ผลงานในเรื่องนี้ด้วย
“เราสังเกตเห็นว่า ด้วยแรงกดดันจากจีนและฝ่ายอื่นๆ สหรัฐฯ ได้ชะลอการบังคับใช้อัตราภาษีที่สูงผิดปกติกับประเทศคู่ค้าบางราย แต่นี่เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่เล็กน้อยมาก และไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าสหรัฐฯ มีนิสัยชอบใช้การข่มขู่ทางเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง” โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุ
ในขณะที่จีนบอกว่า “จะไม่ขอมีส่วนร่วม” กับเกมรีดภาษีของสหรัฐฯ อีกต่อไป แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าปักกิ่งยังมีเครื่องมืออีกหลายอย่างที่อาจจะนำมาใช้แก้เผ็ดอเมริกาได้
เหล่าคอมเมนเตเตอร์ทรงอิทธิพลซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับปักกิ่งได้ออกมาชี้ถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลอาจนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการยุติความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในเรื่องเฟนทานิล ห้ามการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงตลาดภาคบริการ เช่น ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และตรวจสอบว่ามีบริษัทอเมริกันรายใดบ้างที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาตักตวงผลประโยชน์ในจีน
ก่อนจะประกาศอัตราภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ระลอกล่าสุด จีนได้ประกาศจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูด และก่อนหน้านั้นก็ได้แบนการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ และจำกัดไม่ให้บริษัทอเมริกันบางรายเข้าไปทำธุรกิจในจีน หรือนำเข้าสินค้าจีนที่ใช้ประโยชน์ได้ 2 ทาง
นักวิเคราะห์เตือนว่า การรีดภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังทำให้การค้าระหว่างกันซึ่งเคยมีมูลค่าสูงกว่า 650,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 “ไม่สามารถไปต่อได้อีก”
ทรัมป์ เองยังคงแสดงท่าทีไม่ยี่หระกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า “เราสามารถทำในสิ่งที่เราอยากจะทำได้ แต่เราก็อยากให้มันแฟร์ เรามีสิทธิ์กำหนดภาษี และพวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกว่าจะไม่ดีลกับเรา หรือไม่ก็ต้องยอมจ่าย”
ที่มา: CNN, รอยเตอร์