จีนยังเสียงแข็งในวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) ประกาศตอบโต้การขึ้นภาษีศุลกากรมหาโหดของสหรัฐฯ “ไปจนถึงที่สุด” ขณะเตือนนโยบายทรัมป์เสี่ยงก่อผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งระบุว่าพร้อมเจรจาแบบ “พบกันครึ่งทาง”
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญต่างชาติหลายคนเชื่อปักกิ่งอ่านเกมทรัมป์ขาดมานานแล้ว และเตรียมพร้อมรับมือสงครามภาษีกับอเมริกามาเป็นอย่างดี
หลังจากทำตลาดทั่วโลกปั่นป่วนมาหลายวัน ในวันพุธ (9) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ที่มีผลบังคับใช้ในวันเดียวกันไปอีก 90 วัน และเสริมว่า ขณะนี้มีหลายสิบประเทศเข้าคิวขอเจรจาเงื่อนไขพิเศษกับอเมริกา
แต่สำหรับจีนซึ่งประกาศที่จะตอบโต้ ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าสหรัฐฯในอัตรา 84% เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสฯ (10) ทรัมป์ออกอาการยัวะ และบอกว่าสั่งรีดภาษีจากสินค้าจีนขึ้นไปอีกรวมเป็น 125%
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หลิน เจี้ยน ของจีน แถลงระหว่างการแถลงข่าวตามปกติในวันพฤหัสฯ (10) ว่า การตอบโต้ของจีนต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ “จะดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด” และปักกิ่งจะไม่ปล่อยให้ “ผลประโยชน์ของประชาชนจีนถูกลิดรอน หรือระบบการค้าถูกบ่อนทำลาย”
เขากล่าวด้วยว่า สหรัฐฯกำลังกระทำสิ่งเหล่านี้จาก “ผลประโยชน์ที่เป็นการเห็นแก่ตัว” และกำลังใช้ภาษีศุลกากรเป็นอาวุธเพื่อสร้างแรงกดดันบีบคั้นระดับสูงสุด และ “มุ่งแสวงหาผลได้ต่างๆ ด้วยความเห็นแก่ตัว”
“เรื่องนี้บ่อนทำลายระบบการค้าแบบอิงอยู่กับกฎเกณฑ์ และทำลายเสถียรภาพของระเบียบเศรษฐกิจโลก” เขากล่าวต่อไปว่า ความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการต่อต้านคัดค้านโลกทั้งโลก และจะ “จบลงด้วยความล้มเหลว”
ด้าน เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงในวันเดียวกัน เตือนว่า นโยบายภาษีศุลกากรของอเมริกาเสี่ยงทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก แต่ก็ย้ำว่า จีนเปิดกว้างสำหรับการเจรจา และเรียกร้องให้วอชิงตันพบกันครึ่งทางโดยอิงกับหลักการการเคารพกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การร่วมมือที่จะเป็นผู้ชนะด้วยกันทุกฝ่าย การแก้ไขความขัดแย้งอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจา
ในอีกด้านหนึ่ง จีนพยายามระดมสร้างแนวร่วมรับมือมาตรการภาษีเขย่าโลกของทรัมป์ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง กล่าวกับอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า จีนยินดีร่วมมือกับอียูในการดำเนินการตามมติที่ผู้นำสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสื่อสาร และกระชับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และอุตสาหกรรม
หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์จีน ประชุมผ่านวิดีโอกับมารอส เซฟโควิก กรรมาธิการด้านการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอียูเมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) โดยบอกว่า ภาษีศุลกากรตอบโต้ของอเมริกาละเมิดผลประโยชน์อันชอบธรรมของทุกประเทศ รวมถึงกฎขององค์การการค้าโลก อีกทั้งยังทำลายระบบการค้าพหุภาคี และส่งผลกระทบรุนแรงต่อเสถียรภาพของระเบียบเศรษฐกิจโลก
นอกจากนั้น หวัง ยังหารือกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และหลี่ก็ประชุมกับพวกผู้นำธุรกิจ และประกาศว่า ปักกิ่งพร้อมประเมินสถานการณ์ทั้งหมดและเตรียมพร้อมรับความไม่แน่นอนทุกรูปแบบ รวมทั้งปรับปรุงนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความจำเป็นของสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกประเทศสนใจอยู่ข้างเดียวกับจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ขัดแย้งกับปักกิ่งอย่างออสเตรเลีย ซึ่ง รองนายกรัฐมนตรีริชาร์ด มาร์เลส ประกาศว่า ออสเตรเลียจะไม่จับมือกับจีนในประเด็นโต้แย้งใดๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ด้านอาเซียนนั้น รัฐมนตรีเศรษฐกิจ 10 ชาติสมาชิกออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสฯ ว่า จะไม่ขึ้นภาษีตอบโต้ แต่จะเดินหน้าเจรจากับอเมริกาต่อไป
ที่บรัสเซลส์วันพฤหัสฯ ฟอน แดร์ ไลเอินกล่าวว่า การตัดสินใจชะลอการเก็บภาษีของทรัมป์เป็นขั้นตอนสำคัญต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก และอียูยังคงมุ่งมั่นในการเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับอเมริกาภายใต้เป้าหมายสำหรับการค้าที่ราบรื่นและมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ขณะเดียวกัน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปผู้นี้สำทับว่า ยุโรปจะยังคงมุ่งเน้นการกระจายการค้า และร่วมมือกับประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบ 87% ของการค้าโลก และมีความมุ่งมั่นในการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ และแนวคิดอย่างเสรีเช่นเดียวกันกับอียู
ทางด้าน เดวิด เรนนี บรรณาธิการด้านภูมิรัฐศาสตร์ของนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ให้สัมภาษณ์บีบีซี โดยบอกว่า เขาเชื่อว่า จีนได้มีการวางแผนอย่างรอบคอบในการรับมือการโจมตีด้วยภาษีศุลกากรของทรัมป์ รวมทั้งยังเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีทั้งมาตรการรับมือระยะสั้นและความพยายามระยะยาวในการปรับทิศทางและสมดุลเศรษฐกิจของประเทศเพื่อลดการพึ่งพิงการส่งออกมากเกินไป เนื่องจากเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ตอนหาเสียงว่า ทรัมป์กำลังหมายหัวเล่นงานจีน
เรนนียกตัวอย่างการตอบโต้ของจีนด้วยการรีดภาษีถั่วเหลืองอเมริกัน ว่า เป็นการพุ่งเป้าโจมตีฐานเสียงในแถบมิดเวสต์ของทรัมป์โดยตรง ขณะที่ปักกิ่งสามารถนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลและอาร์เจนตินามาทดแทนได้
ด้านเกรแฮม แอลลิสัน ศาสตราจารย์ทางรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของอเมริกา ซึ่งเดินทางไปเยือนจีนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีในทำนองเดียวกันว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมพร้อมเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจและสงครามการค้าอันยากลำบากกับอเมริกามาระยะหนึ่งแล้ว
เขาเสริมว่า ปักกิ่งเชื่อมั่นว่า จีนกำลังผงาดขึ้นมาโดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ ขณะที่อเมริกากำลังเสื่อมลงโดยไม่อาจย้อนกลับ นอกจากนั้นแม้ตระหนักว่า สงครามภาษีที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายพ่ายแพ้ แต่บรรดาผู้นำจีนเชื่อว่า จีนสามารถรับมือและอดทนต่อสถานการณ์ดังกล่าวได้ดีกว่าอเมริกา
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี/บีบีซี)