วอชิงตันกำลังพิจารณาเพิกถอนบรรดาบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามรีดภาษีที่ลุกลามบานปลายหนักหน่วงขึ้น จากการเปิดเผยของ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของอเมริกา
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ บิซิเนส เมื่อวันพุธ(9เม.ย.) เบสเซนต์ ให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนที่ปรับขึ้นเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สู่ระดับ 84% ว่าเป็นเรื่อง "โชคร้าย" มาตรการดังกล่าวถูกแถลงออกมา หลังจากรปะธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งเพิ่มเพดานภาษีที่เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากจีน เป็น 104%(ก่อนล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 125%)
"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายที่จีนไม่ต้องการเข้ามาเจรจาต่อรอง เพราะว่าพวกเขาคือผู้กระทำผิดเลวร้ายที่สุดในระบบการค้าระหว่างประเทศ" เบสเซนต์กล่าวอ้าง บ่งชี้ว่าอเมริกาอาจกำหนดมาตรการรีดภาษีเพิ่มสูงขึ้น "ถ้าจีนเริ่มลดค่าเงิน เมื่อนั้นภาษีจะไปตกอยู่กับทั้งโลก และทุกคนจะเดินหน้าปรับเพิ่มเพดานภาษีเพื่อชดเชยค่าเงินอ่อนค่า ดังนั้นผมจึงเรียกร้องให้พวกเขาอย่าทำเช่นนั้น และเข้ามาสู่โต๊ะเจรจา"
เมื่อถูกถามว่าวอชิงตันกำลังพิจารณาเพิกถอนบรรดาบริษัทจีนออกจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯใช่หรือไม่ ทาง เบสเซนต์ เน้นย้ำว่า "ทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะและมันขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี" ปัจจุบันมีบริษัทจีน 286 แห่ง ในนั้นรวมถึงอาลีบาบา หนึ่งในผู้ปฏิบัติการค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลกจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา "มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์" เขากล่าว
คำขู่ใหม่นี้มีขึ้นหลังจาก จีน รีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯอีก 50% มีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดี(10เม.ย.) เพิ่มเติมจากมาตรการรีดภาษี 34% ที่กำหนดไปก่อนหน้านี้ จากคำแถลงของกระทรวงการคลังจีนในวันพุธ(9เม.ย.)
"แนวทางปฏิบัติของสหรัฐฯในการยกระดับรีดภาษีจีน เป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิโดยชอบธรรมและผลประโยชน์ของจีน และก่อความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบการค้าพหุภาคีเป็นพื้นฐานของกติกา" กระทรวงการคลังจีนระบุในถ้อยแถลง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ปักกิ่งประกาศสู้จนถึงที่สุดในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ และจะปกป้องอย่างหนักแน่นต่อผลประโยชน์ของพวกเขา นอกเหนือจากรีดภาษีตอบโต้แล้ว จีนยังได้ยื่นคำร้องไปยังองค์การการค้าโลก เอาผิดสหรัฐฯต่อแนวทางปฏิบัติทางการค้า เช่นเดียวกับขึ้นบัญชีธุรกิจบางอย่างของอเมริกาบนรายชื่อ "องค์กรที่ไม่มีความเชื่อถือ" หรือกำหนดให้อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออก
สงครามการค้าที่ขยายวงขึ้นเรื่อยๆ มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของทรัมป์ ในการสร้างสมดุลด้านการนำเข้าและการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรการรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆเกือบทั่วโลก
ในเดือนมีนาคม ทรัมป์ กำหนดมาตรการรีดภาษี 20% สินค้านำเข้าจากจีน ก่อนที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาจะรีดภาษีจีนเพิ่มเติมอีก 34% รวมเป็น 54% แต่พอปักกิ่งตอบโต้แบบเดียวกัน กำหนดเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 34% ทรัมป์ก็ปรับขึ้นเพดานภาษีอีก 50% ส่งผลให้รวมแล้วเป็น 104% ก่อนล่าสุดจะปรับขึ้นเป็น 125%
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)