ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ(9เม.ย.)โวยวายว่ารัสเซีย "กำลังลาก" จีน เข้าร่วมวงสงครามในยูเครน ขณะเดียวกันก็กล่าวหาปักกิ่งรู้เห็นเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างที่ว่ามีพลเมืองจีนหลายสิบคน ถูกเกณฑ์โดยกองทัพมอสโก สำหรับร่วมรบในยูเครน
เซเลนสกี ยังบอกด้วยว่าเคียฟพร้อมซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯมูลค่าสูงสุด 50,000 ล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หลังจากทั้งคู่เปิดศึกวิวาทะในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้เขาบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนมีกำหนดพบปะหารือกับคณะผู้แทนจากสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า ส่วนหนึ่งในความพยายามของวอชิงชัน ในการผลักดันให้มอสโกและเคียฟบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
เซเลนสกี ระบุยูเครนมีรายละเอียดเกี่ยวกับพลเมืองจีนมากกว่า 150 คนที่ถูกส่งไปยังแนวหน้า หนึ่งวันหลังจากอ้างว่ากองทัพยูเครนจับกุมตัวพลเมืองจีนได้ 2 คน ขณะกำลังสู้รบในแคว้นโดเนตส์ก ทางตะวันออกของประเทศ
ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวต่อ ยูเครนพร้อมปล่อยตัวพลเมืองจีนที่จับกุมตัวได้ แลกกับเชลยศึกยูเครนที่ถูกควบคุมตัวในรัสเซีย "การเข้ามาพัวพันอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ของพลเมืองจีน ในปฏิบัติการสู้รบในดินแดนของยูเครน คือก้าวย่างที่จงใจในการมุ่งสู่การขยายวงสงคราม" เขากล่าว "และแน่นอนว่ามันเป็นอีกหนึ่งข้อบ่งชี้ที่ว่า มอสโก ต้องการลากยาวการสู้รบ"
เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบใหม่ที่มีกับทั้งรัสเซียและจีน มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปักกิ่งปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าพลเมืองของพวกเขาถูกเกณฑ์เป็นจำนวนมาก สำหรับร่วมสู้รบเคียงข้างรัสเซีย และส่งเสียงเตือนไปยังพลเมืองจีนให้หลีกเลี่ยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งติดอาวุธใดๆ
"นี่คือความผิดพลาดครั้งที่ 2 ของรัสเซีย ครั้งแรกคือเกาหลีเหนือ พวกเขาลากประเทศอื่นๆเข้าสู่สงคราม ผมเชื่อว่าเวลานี้พวกเขากำลังลากจีนเข้าสู่สงครราม" เซเลนสกีบอกกับผู้สื่อข่าวในเคียฟ
หน่วยข่าวกรองของเคียฟ เกาหลีใต้และตะวันตก กล่าวอ้างว่าเมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือ ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าสนับสนุนกองทัพรัสเซีย หลังจากยูเครนเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ข้ามชายแดน รุกรานเข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย
"ประเด็นของจีนเป็นเรื่องร้ายแรง มีรายละเอียดชื่อและพาสปอร์ตพลเมืองของพวกเขา 155 คน ที่กำลังสู้รบต่อต้านยูเครน ในดินแดนของยูเครน" เซเลนสกีกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุเขาเชื่อว่าจำนวนที่แท้จริงมีมากกว่านั้นมาก และเวลานี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี ไม่ได้กล่าวหา ปักกิ่ง ส่งทหารเข้ามาโดยตรง แต่บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่จีนรู้ดีว่าคนเหล่านี้ถูกเกณฑ์โดยรัสเซีย "มันชัดเจนว่ารัสเซียเกณฑ์พลเมืองจีนอย่างไร หนึ่งในแผนการต่างๆก็คือดำเนินการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TikTok และเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆของจีน ปักกิ่งทราบเรื่องนี้ดี"
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกี เผยแพร่คลิปวิดีโอหนึ่งเป็นภาพ 1 ใน 2 พลเมืองจีนที่กล่าวอ้างว่าจับกุมตัวไว้ได้ โดยชายรายดังกล่าวสวมเครื่องแบบทหารและถูกมัดมืด กองทัพยูเครนบอกว่าพบบัตรประจำตัวจีนและสัญญาสำหรับรับใช้กองทัพรัสเซียในตัวพวกเขา
หลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ปฏิเสธคำกล่าวหาของเซเลนสกี ที่ว่ามีพลเมืองจีนจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปสู้รบโดยรัสเซีย โดยบอกว่ามันไร้หลักฐานโดยสิ้นเชิง "รัฐบาลร้องขอพลเมืองมาตลอดให้อยู่ห่างจากพื้นที่ความขัดแย้งติดอาวุธ และหลีกเลี่ยงเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งติดอาวุธไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม"
เขาเผยว่าปักกิ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับพลเมืองจีนที่ถูกเคียฟจับกุม ในส่วนของรัสเซีย เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี ทาง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็น
จีนนำเสนอตนเองในฐานะเป็นคนกลางในสงครามที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปี และบอกว่าจะไม่ส่งความช่วยเหลือถึงตายให้กับฝ่ายใดก็ตาม ต่างจากสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นๆ
อย่างไรก็ตามด้วยที่จีนเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับรัสเซีย ทั้งในแง่การเมืองและเศราฐกิจ บรรดาชาติสมาชิกนาโตจึงตราหน้าปักกิ่งว่าเป็นผู้ยุยงปฏิบัติการรุกรานของมอสโก เนื่องจากจีนไม่เคยประณามปฏิบัติการดังกล่าวของรัสเซียเลย
"จุดยืนของฝ่ายจีนในประเด็นวิกฤตยูเครนมีความชัดเจนและไม่อ้อมค้อม และได้รับเสียงเห็นพ้องจากประชาคมนานาชาติ" หลินกล่าว "ฝ่ายยูเครนควรมองความพยายามและบทบาทสร้างสรรค์ของจีนให้ถูกต้อง ในขณะที่จีนพยายามผลักดันหาทางออกทางการเมืองในวิกฤตยูเครน"
เซเลนสกี อ้างว่าเขาได้รับสัญญาณมาว่า วอชิงตันมองกรณีที่มีพลเมืองจีนสู้รบให้รัสเซีย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ "สหรัฐอเมริการู้สึกประหลาดใจอย่างมาก และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นี่คือสัญญาณที่พวกเขาส่งมาถึงเรา"
เมื่อพูดถึงความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯกับยูเครน เซเลนสกีบอกว่าเคียฟได้บ่งชี้ไปยังวอชิงตัน ว่าพวกเขาต้องการซื้อแพ็คเกจยุทโธปกรณ์ป้องกันตนเองขนานใหญ่จากสหรัฐฯ "เราพร้อมตามหายุทโธปกรณ์ทางทหารของสหรัฐฯ มูลค่า 30,000 ล้าน และ 50,000 ล้านดอลลาร์"
(ที่มา:เอเอฟพี)