สหภาพยุโรปจะต้องรับปากซื้อพลังงานสหรัฐฯ 350,000 ล้านดอลลาร์(ราว 1.2 ล้านล้านบาท) เพื่อให้ได้รับการบรรเทามาตรการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากคำกล่าวของผู้นำรายนี้ในช่วงค่ำวันจันทร์(7เม.ย.) ปฏิเสธข้อเสนอของบรัสเซลส์สำหรับเรียกเก็บภาษีเป็นศูนย์แลกกับการไม่รีดภาษีรถยนต์และสินค้าอุตสาหกรม
ความคิดเห็นของทรัมป์ ระหว่างการแถลงข่าวในทำเนียบขาว เป็นการตอบโต้ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เผยก่อนหน้านี้ในวันดียวกัน ว่าอียูเสนอปรับลดเพดานภาษีที่ทางกลุ่มจัดเก็บกับรถยนต์และอุตสาหกรรมนำเข้าจากสหรัฐฯเหลือ 0% ถ้า ทรัมป์ ยอมถอนมาตรการรีดภาษีเป็นการแลกเปลี่ยน
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถามว่าข้อเสนอดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้เขายอมถอยหรือไม่ ทรัมป์ บอกว่า "ไม่ ไมเพียงพอ" ประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุ "เราขาดดุลการค้าสหภาพยุโรป 350,000 ล้านดอลลาร์ หนึ่งในหนทางที่มันจะสามารถหายวับไปอย่างง่ายดายและอย่างรวดเร็ว ก็คือการที่พวกเขาต้องซื้อพลังงานจากเรา พวกเขาสามารถซื้อมันได้ และเราสามารถทำให้การขาดดุลการค้า 350,000 ล้านดอลลาร์ หายไปใน 1 สัปดาห์ จากคำมั่นสัญญาในการซื้อพลังงานในปริมาณพอๆกัน"
ข้อเสนอของ ฟ็อน แดร์ ไลเอิน มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ รีดภาษีอียู 20% และปรับขึ้นเพดานภาษีขั้นต่ำ 10% กับคู่หูการค้าอื่นๆ ความเคลื่อนไหวที่ทำตลาดการเงินทั่วโลกสูญเสียมูลค่าไปหลายล้านล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงตลาดหุ้นยุโรป ที่ในวันจันทร์(7เม.ย.) ร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตังแต่ช่วงเริ่มต้นของโรคระบาดใหญ่โควิด-19
คำแถลงนี้มีขึ้นในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวในวันจันทร์(7เม.ย.) เคียงข้างนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งเดินทางมาเยือนวอชิงตัน เพื่อเจรจากับทรัมป์ และหาทางปลดเปลื้องมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ
ในคำแถลงหลังการประชุม ประธานาธิบดีสหรัฐฯเน้นย้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเขาที่มีต่ออียู แต่บ่งชี้ว่าเขาพร้อมเจรจาทำข้อตกลงกับทางกลุ่ม ตราบใดที่อียูรับปากว่าจะทำให้ตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯลดน้อยลงจนอยู่ในระดับพอๆกัน ด้วยการซื้อพลังงานของอเมริกาเพิ่มเติม
แนวคิดซื้อพลังงานของสหรัฐฯ ในความพยายามขจัดมาตรการรีดภาษีไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยแทบจะทันทีที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย ฟ็อน แดร์ ไลเอิน บ่งชี้ถึงการเปิดเจรจาเพื่อซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) จากสหรัฐฯเพิ่มเติม แต่เว็บไซต์โพลิติโก สื่อมวลชนอเมริกา รายงานว่าจากท่าทีตอบสนองของสหรัฐฯ ไม่ชัดเจนว่าข้อตกลงนี้จะได้ผลหรือไม่
ในวันจันทร์(7เม.ย.) เมื่อถามว่ามาตรการรีดภาษีทั่วโลกของเขา เป็นเพียงกลยุทธ์เจรจาแบบขู่บังคับหรือเป็นมาตรการถาวร ทางทรัมป์ตอบว่า "มันอาจเป็นการรีดภาษีถาวร และอาจเป็นการเจรจาต่อรองด้วยเช่นกัน เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าการรีดภาษี ถ้าเราสามารถทำข้อตกลงที่ยุติธรรมอย่างแท้จริง และเป็นข้อตกลงที่ดีกับสหรัฐฯ ไม่ใช่ข้อตกลงที่ดีสำหรับคนอื่น นี่คืออเมริกาต้องมาก่อน ตอนนี้คืออเมริกาต้องมาก่อน"
(ที่มา:โพลิติโก)