ชายชาวเดนมาร์กเสียชีวิตจากอาการเชื้อราขึ้นสมอง หลังเผลอจิบน้ำจากลูกมะพร้าวที่ "เน่าใน"
เว็บไซต์ The Mirror ของอังกฤษอ้างข้อมูลจากแพทย์ซึ่งระบุว่า ชายวัย 69 ปี จากเมือง Aarhus ในเดนมาร์กดื่มน้ำมะพร้าวเข้าไปเพียงเล็กน้อยโดยใช้หลอดดูด ก่อนจะหยุดรับประทานเนื่องจากพบว่าน้ำนั้น "มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ"
เขาตัดสินใจใช้มีดผ่าลูกมะพร้าว และหันไปบอกภรรยาว่าเนื้อในของมันดู "เละ" และ "เหมือนจะเน่าแล้ว" ก่อนจะโยนมะพร้าวลูกนั้นทิ้งลงถังขยะ
ชายคนนี้ซื้อมะพร้าวมาเมื่อ 1 เดือนก่อน และเข้าใจว่าน่าจะวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะในห้องครัวโดยไม่ได้ใส่ตู้เย็นจนกระทั่งเกิดการเน่าเสีย
อย่างไรก็ดี หลังจากดื่มน้ำมะพร้าวไปเพียง 3 ชั่วโมง ชายคนนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย มีไข้สูง เหงื่อออก และอาเจียนอย่างรุนแรง ทีมแพทย์ฉุกเฉินซึ่งเดินทางไปที่บ้านพบว่าเขาเริ่มมีอาการสับสน หน้าซีด และทรงตัวแทบไม่ได้
ชายคนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และจากการตรวจด้วยเครื่อง MRI พบว่าสมองของเขามีอาการบวมอย่างรุนแรง แต่ตอนนั้นแพทย์ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
แพทย์ได้ส่งตัวเขาเข้าห้องไอซียู โดยวินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรคสมองเสื่อมจากการเผาผลาญ (metabolic encephalopathy) และอีกเพียง 26 ชั่วโมงต่อมา ชายคนนี้ก็เกิดภาวะสมองตาย
ผลการชันสูตรศพพบว่ามีเชื้อราอยู่ในหลอดลมของเขา และเมื่อนำผลมะพร้าวมาตรวจก็พบว่าเต็มไปด้วยเชื้อรา arthrinium saccharicola ซึ่งสร้างสารพิษ 3-nitropropionic acid ที่สามารถทำลายเนื้อสมองได้
ก่อนหน้านี้ เคยมีการพบผู้ป่วยหลายรายในจีนและแอฟริกาซึ่งได้รับสารพิษชนิดนี้จากการรับประทาน "อ้อยเน่า"
สำหรับกรณีการเสียชีวิตของชายชาวเดนมาร์กรายนี้ถูกอ้างถึงโดย Thomas Birkelund และได้รับการตีพิมพ์ในเว็บไซต์ ResearchGate จนนำมาสู่คำเตือนให้ผู้บริโภคต้องเก็บน้ำมะพร้าวแช่เย็นตลอดเวลา และหากซื้อมะพร้าวปอกเปลือกทั้งลูกมาก็ควรรับประทานให้หมดภายใน 2-3 วัน
ดร.ซามูเอล เชาธรี แพทย์ในสิงคโปร์ที่มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมราว 326,000 คน ได้ออกมาโพสต์เตือนว่า "มะพร้าวเหล่านี้ต้องเก็บแช่เย็นตลอดเวลาเนื่องจากถูกปอกเปลือกแล้วบางส่วน และเฉพาะมะพร้าวสดทั้งลูกเท่านั้นจึงจะเก็บในอุณหภูมิห้องได้"
ที่มา : เดอะมิเรอร์