อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันจันทร์(7เม.ย.) เรียกร้องประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ยืนหยัดร่วมกัน" หลังจากเหล่าชาติสมาชิกอาเซียนเป็นหนึ่้งในบรรดาชาติที่ถูกสหรัฐฯสั่งรีดภาษีหนักหน่วงที่สุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีอย่างกว้างขวางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เล่นงานทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน ความเคลื่อนไหวที่สั่นสะเทือนตลาดหุ้น และก่อความวิตกกังวลแก่รัฐบาลต่างๆทั่วโลก
"เราต้องยืนหยัดร่วมกันในฐานะอาเซียน ด้วยประชากร 640 ล้านคนและมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในลำดับต้นๆของโลก" อันวาร์ กล่าวระหว่างประชุมร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบนายกรัฐมนตรี พร้อมเผยว่าบรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนจะประชุมกันในวันพฤหัสบดี(10เม.ย.) เพื่อหารือกันเกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ
อันวาร์บอกว่าหน้าที่ของรัฐบาลของเขาคือ "ติดต่อไปยังเพื่อนๆของเราในอาเซียน เพื่อแต่ละประเทศจะสามารถเน้นย้ำจุดยืน แต่ขณะเดียวกัน เราก็จะเคลื่อนไหวไปด้วยกันเป็นกลุ่ม" ทั้งนี้ มาเลเซีย ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของ 10 ชาติสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในปีนี้
หนึ่งในศูนย์กลางการผลิตอย่างเวียดนาม เจอรีดภาษี 46% สำหรับสินค้าที่พวกเขาส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่วนชาติเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ผู้ผลิตหลักเสื้อผ้าต้นทุนต่ำสำหรับแบรนด์ดังทั้งหลายของตะวันตก ถูกรีดภาษี 49%
มาเลเซีย ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของอาเซียน โดนรีดภาษีต่ำกว่าที่ 24% ในขณะที่ ไทย โดนไป 36%
เหมือนกับชาติสมาชิกอื่นๆในอาเซียน มาเลเซียบอกว่าพวกเขาจะไม่ดำเนินการตอบโต้ใดๆเล่นงานสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และปฏิเสธคำกล่าวอ้างของวอชิงตัน ที่บอกว่ามาเลเซียกำหนดเพดานภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 47%
"ผมคิดว่าการอ้างความผิดของคนอื่น ไม่ได้ทำให้การทำผิดของเราถูกต้องขึ้น" รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียกล่าวในถ้อยแถลง "มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องยังคงอยู่ในความสงบ เพราะว่าสิ่งต่างๆที่เป็นผลลัพธ์จากสงครามการค้า มันจะไม่เป็นประโยชน์ใดๆกับเศรษฐกิจโลก"
(ที่มา:เอเอฟพี)