กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ สายเดโมแครต 25 คน และรีพับลิกัน 25 คน ออกคำแถลงร่วมวานนี้ (1 เม.ย.) เรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย หากประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ยังคงโยกโย้ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพกับยูเครนอย่างจริงใจ
ลินด์ซีย์ เกรแฮม ส.ว.รีพับลิกัน และ ริชาร์ด บลูเมนธัล ส.ว.เดโมแครต ซึ่งเป็นแกนนำในการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรขั้นปฐมภูมิและทุติยภูมิต่อรัสเซียและองค์กรต่างๆ ที่มีส่วนสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามรุกรานยูเครน หากว่ารัสเซียยังคงปฏิเสธการเจรจา หรือริเริ่มกระทำการใดๆ เพื่อบั่นทอนอธิปไตยของยูเครน ภายหลังจากที่มีการลงนามข้อตกลงสันติภาพกันแล้ว
ร่างกฎหมายนี้ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือของ 2 พรรคที่เห็นได้ไม่บ่อยนักในสภาคองเกรส และมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มจะหมดความอดทนกับการเจรจาโน้มน้าวรัสเซียให้ยอมปิดฉากสงครามซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี
“มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจำเป็นจะต้องมีการขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศที่ซื้อน้ำมัน ก๊าซ ยูเรเนียม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากรัสเซียด้วย” วุฒิสมาชิกทั้งสองคนระบุในคำแถลง
“ผู้คนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ต่างเห็นว่ารัสเซียคือผู้รุกราน สงครามอันเลวร้ายและความก้าวร้าวของ ปูติน จะต้องจบลงตรงนี้ และต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
แม้สมาชิกสภาคองเกรสส่วนใหญ่จากทั้ง 2 พรรคจะยังคงสนับสนุนยูเครนให้สามารถต่อต้านการบุกของรัสเซีย ทว่าก็มีพันธมิตรคนสนิท ทรัมป์ ในพรรครีพับลิกันส่วนหนึ่งที่เริ่มเย็นชากับเคียฟมากขึ้นหลังจากที่พรรคคุมเสียงข้างมากในสภาได้เมื่อ 2 ปีก่อน จนกระทั่งมาครองทำเนียบขาวและวุฒิสภาด้วยในปีนี้
ตั้งแต่สาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ทรัมป์ ได้มีท่าทีรอมชอมกับรัสเซียมากขึ้น ซึ่งสร้างความอกสั่นขวัญแขวนต่อบรรดาพันธมิตรสหรัฐฯ ในยุโรป
ร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเดียวกัน (companion legislation) ได้ถูกเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ด้วย และได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้ง 2 พรรคเช่นกัน
ฝ่ายที่สนับสนุนเชื่อว่า ร่างกฎหมายนี้จะผ่านทั้ง 2 สภาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น หากผู้นำรีพับลิกันในสภาคองเกรสอนุมัติให้มีการโหวต ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ที่มา: รอยเตอร์