xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกสนใจ! นักข่าวสื่ออินเดียบุกถามหน่วยรบพิเศษอเมริกัน ถึงจตุจักร ลือให้ “โดรน” ช่วยกู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – สื่อทั่วโลกให้ความสนใจข่าวแผ่นดินไหวพม่าคร่าชีวิตสุดกว่า 2,000 คน สื่ออินเดีย NDTV ชื่อดังบุกไทยจ่อไมค์ถามทหารหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ เกี่ยวกับรายงานสหรัฐฯ ส่งเทคโนโลยีโดรนให้ไทยช่วยค้นหาปฎิบัติการตึกถล่ม ล่าสุดเครื่องสแกนเนอร์ของสหรัฐฯค้นพบสัญญาณเหยื่อผู้รอดชีวิตใต้ซากตึก สตง.ถล่ม

สตาร์สแอนสตริปส์ สื่อด้านความมั่นคงสหรัฐฯ รายงานวานนี้(31 มี.ค.)ว่า วอชิงตันส่งกำลังทหารเข้าช่วยไทยและเงินบรรเทาทุกข์แก่พม่าในเหตุแผ่นดินไหวความแรง 7.7 แมกนิจูดในวันศุกร์(28 มี.ค) มีศูนย์กลางอยู่ในพม่า

เป็นการส่งมาเป็นจำนวนที่ไม่เปิดเผยจากกองบัญชาการอินโดแปซิฟิก INDOPACOM ของสหรัฐฯในการประสานร่วมกับฝ่ายกองทัพไทยและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉิน

โดยในปฎิบัติการกู้ภัยนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ทหารสหรัฐฯเดินทางเข้าไทยพร้อมทหารอิสราเอล

ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานวันอาทิตย์(30 มี.ค.) ว่า ทีมผสมร่วมกองทัพอิสราเอลและกระทรวงกลาโหมอิสราเอลที่ประกอบไปด้วย หน่วยการช่าง หมอ และผู้เชี่ยวชาญกู้ภัย จำนวนโดยรวมทั้งหมด 22 คนเดินทางถึงกรุงเทพฯเช้าวันอาทิตย์(30 มี.ค.) ได้เริ่มต้นทำงานและให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องต่อเจ้าหน้าที่ไทย

ด้านสำนักงานบรรเทาทุกข์อิสราเอล IsraAID ที่มีชื่อคล้ายกับของสหรัฐฯ USAID ที่เพิ่งโดนยุบไปส่งทีมฉุกเฉินช่วยเหลือในเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวพม่าและไทย อ้างอิงจากสื่ออิสราเอล

สตาร์สแอนด์สตริปส์รายงานว่า “จากทุกสิ่งตั้งแต่เคลื่อนย้ายซากปรักหักพังมหาศาลไปจนถึงการฟื้นฟูกำลังพล” พันตรี แมทธิว เกร็กกอรี (Maj. Matthew Gregory) แถลงวันจันทร์(31 มี.ค.)

สื่อความมั่นคงสหรัฐฯ ชี้ว่า จำนวนกำลังพลนี้ไม่เป็นที่แน่นอนเนื่องมาจากเพราะสถานการณ์ไม่หยุดนิ่งแต่เชื่อว่าที่ถูกส่งตัวมากรุงเทพฯนี้รวมถึง หน่วยทหารช่างสหรัฐฯ หน่วยผึ้งทะเลกองทัพเรือสหรัฐฯ U.S. Navy Seabees และหน่วยสุนัขK9และอื่นๆ

โฆษกแถลงย้ำแสดงความมั่นใจว่า “หน่วยผึ้งทะเล Navy Seabees มีกำลังพลเชี่ยวชาญในการค้นหาและช่วยเหลือ งานวิศวรกรรมการช่างและความสามารถอื่นๆ จากรอบอินโดแปซิฟิกจะตอบสนองในช่วงเวลานี้และพวกเราจะยังคงให้การสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว 7.7 แมกนิจูดตามคำร้องขอของพันธมิตรของพวกเรา”

อย่างไรก็ตาม โฆษกปฎิเสธที่จะแสดงความเห็นว่า หน่วยอินโดปาคอม(INDOPACOM)นี้จะเข้าไปพม่าเพื่อการช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งประเทศฝ่ายตรงข้ามทั้ง “จีน” และ “รัสเซีย” ได้ส่งทั้งกำลังคนและความช่วยเหลือเข้าพม่าอย่างคึกคักแทนที่สหรัฐฯที่แต่เดิมมี USAID เป็นตัวแทนของวอชิงตันทางด้านมนุษยธรรม

ส.ส รัฐนิวยอร์ก เกร็กกอรี มีคส์ (Gregory Meeks)สมาชิกคณะกรรมาธิการต่างประเทศประจำสภาล่างสหรัฐฯออกมาโจมตีวันศุกร์(28 มี.ค)การสั่งยุบ USAID ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เป็นการตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ และเปิดทางให้จีนและรัสเซียสามารถเข้าไปเติมเต็มได้

เมียนมาที่ยังคงสู้รบในสงครามกลางเมืองและถือเป็นพื้นที่สูญญากาศและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติแต่ขาดอย่างหนักทั้งความเจริญและด้านมนุษยธรรม 
 
NDTV สื่ออินเดียเป็นอีกหนึ่งในหลายแห่งของแดนภารตะที่เกาะติดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทยอย่างละเอียด ซึ่งในวันอาทิตย์(30 มี.ค.) NDTV ได้จั่วหัวรายงานอย่างเจ็บแสบว่า “China Connection Emerges In Bangkok Skyscraper That Collapsed During Quake” ว่า “จีนมีเอี่ยวตึกระฟ้าถล่มกลางกรุงเทพฯ ขณะแผ่นดินไหว”

และในวันถัดมา(31 มี.ค.) NDTV ส่งคลิปเปิดภาพนักข่าวอินเดียมาถึงจตุจักรจ่อไมค์ถามทหารหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯถึงข่าวที่รายงานว่า เทคโนโลยีโดรนมีรายงานว่าเป็นของสหรัฐฯ ที่มอบให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทยใช้นั้นจริงหรือไม่ ก่อนรุกถามต่อถึงโอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตในตึก สตง.ที่ถล่ม ซึ่งฝ่ายทหารอเมริกันตอบกลับว่า เชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้

นักข่าว NDTV ยังตั้งคำถามต่อว่า เป็นเพราะเทคโนโลยีให้ความช่วยเหลือไทยมาจากสหรัฐฯ และทำให้ต้องการทราบว่าจากการที่สังเกตเห็นพบมีเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ อยู่ด้วยทำให้สงสัยว่าจะมีสิ่งอื่นใดอีกบ้างที่ฝ่ายสหรัฐฯ จะช่วยเหลือไทยในเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งทหารหน่วยรบพิเศษตอบกลับมาว่า ฝ่ายสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือตามการร้องขอของทางการไทย

รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(1)ว่า เครื่องเอ็กซเรย์และสุนัขดมกลิ่นถูกส่งเข้าไปในตึก สตง. จำนวน 33 ชั้นที่เกิดถล่ม
รองผู้ว่าการกทม. รศ.ทวิดา กมลเวชช กล่าวว่า ทีมกู้ภัยเริ่งรีบทำงานเพื่อหาช่องทางเข้าพื้นที่ซึ่งมีสัญญาณชีพถูกส่งออกมา 3 วันก่อนจากวันที่เกิดแผ่นดินไหวและตึกถล่ม

อย่างไรก็ตาม รองผู้ว่ายอมรับว่า ความหวังในการรอดชีวิตกำลังจะหมดไปหลัง 72 ช.ม แต่ยืนยันว่าจะยังคงทำงานไม่หยุดหลัง 72 ช.มผ่านไปแล้ว

ทั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแถลงอ้างอิงจากสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษว่า ไทยในวันจันทร์(31 มี.ค.)เกิดอาฟเตอร์ช็อกถึง 22 ครั้ง แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือการเสียชีวิต

เกิดขึ้นที่ 4 จังหวัดตอนบนทางภาคเหนือได้แก่
#จ.แม่ฮ่องสอนหนักสุด 12 ครั้ง อาฟเตอร์ช็อกความแรง 1.6 แมกนิจูด – 2.9 แมกนิจูด
#จ.แพร่ จำนวน 6 ครั้ง อาฟเตอร์ช็อกความแรง 1.9 แมกนิจูด – 2.8 แมกนิจูด
#จ.เชียงใหม่ จำนวน 3 ครั้ง อาฟเตอร์ช็อกความแรง 2.1 แมกนิจูด – 2.4 แมกนิจูด
#จ.ตาก จำนวน 1 ครั้ง อาฟเตอร์ช็อกความแรง 2.1 แมกนิจูด




กำลังโหลดความคิดเห็น