สถานทูตจีนยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการสืบสวนเหตุอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาสืบเนื่องจากแผ่นดินไหว ที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ในขณะที่ตึกแห่งนี้ดำเนินการก่อสร้างโดยกิจกรรมร่วมค้าระหว่างบริษัทไทยและบริษัทจีน
เพจเฟซบุ๊กของสถานทูตจีนประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่าเมื่อวันอาทิตย์(30มี.ค.) เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยแผ่นดินไหวของจีน ได้เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในเขตจตุจักร พังถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ของพม่า เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์(28มี.ค.)
สัญญาโครงการก่อสร้างนี้ถูกมอบให้แก่ กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ของจีน ที่ชนะการประกวดราคาด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท แต่งบบานปลายไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ตามรายงานของ baohaiduong
ระหว่างการประชุม นายอนุทิน ขอบคุณเจ้าหน้าที่จีนที่ให้การสนับสนุน และเน้นย้ำว่าอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้รับผลกระทบหนักหน่วงมากกว่าอาคารอื่นๆในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เขายืนยันว่าอาคารอื่นๆได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
รายงานข่าวระบุว่านายอนุทิน บอกกับ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ว่า "กระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะแถลงผลการสืบสวนภายใน 7 วัน ในขณะที่อาคารแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างใหม่และออกแบบมาเพื่อยืนหยัดรับมือกับแผ่นดินไหว"
นายอนุทิน ระบุต่อว่าการสืบสวนจะมองหาความรับผิดชอบของฝ่ายออกแบบ กำกับดูแลและผู้รับเหมา พร้อมชี้แจงว่าเนื่องจากโครงการนี้มีรัฐเป็นเจ้าของ อาคารแห่งนี้จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากกรุงเทพมหานคร
ขณะเดียวกันเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย แสดงความเสียใจกับเหยื่อของเหตุอาคารถล่ม และเน้นย้ำว่าสถานทูตจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสืบสวน
เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง เผยว่าผู้รับเหมาได้รับคำสั่งให้ร่วมมือกับการสืบสวนและแสดงความเชื่อมั่นว่ากระบวนการนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรม
ทั้งนี้เอกอัครราชทูตทูตหานเน้นย้ำด้วยว่า ฝ่ายจีนพร้อมที่จะสนับสนุนในงานช่วยชีวิตและกู้ภัย และพร้อมที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย เครื่องจักรกล และสิ่งของบรรเทาภัยต่างๆให้ฝ่ายไทย ผู้เชี่ยวชาญจีนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการดำเนินงานการกู้ภัยกับนายอนุทินอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์
สื่อต่างประเทศอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ณ เวลา 6.00น.ของเช้าวันอาทิตย์(30มี.ค.) ว่าแผ่นดินไหวส่งผลกระทบกับมากมายหลายตึกในกรุงเทพฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 32 ราย เสียชีวิต 17 คน และ 83 คนยังคงสูญหาย ซึ่งในนั้นผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บ 18 คน เกี่ยวข้องกับเหตุอาคารสตง.ถล่ม
รายงานข่าวระบุว่าชาวบ้านในกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนก เกรงว่าอาฟเตอร์ช็อคอาจเกิดขึ้นไม่หยุด บางคนเลือกนอนกลางแจ้ง ตั้งเตนท์ในที่สาธารณะสำหรับหลับนอนยามค่ำคืน
ทั้งนี้กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวในพม่า ลงมาทางใต้ราวๆ 1,000 กิโลเมตร
(ที่มา:baohaiduong/สถานทูตจีน)