ในเมืองสะกาย ของพม่า "เวลานี้ทุกๆครั้งที่ลมพัดมา กลิ่นศพของผู้เสียชีวิตจะเหม็นคลุ้งไปทั่ว" ตามรายงานของสำนักข่าวอัลจาซีราห์ อ้างอิงคำสัมภาษณ์ของชาวบ้านรายหนึ่งในเมืองแห่งนี้ ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวทำลายล้างรุนแรงระดับ 7.7 ที่สั่นสะเทือนพม่าเมื่อวันศุกร์(28มี.ค.) และส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเกิน 1,700 ราย ท่ามกลางรายงานว่าผู้คนถูกทอดทิ้งให้ขุดคุ้ยซากช่วยเหลือญาติด้วยตนเอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่เพียงพอ
"ณ เวลานี้ เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้มากกว่าช่วยเหลือผู้รอดชีวิต" Thar Nge ชาวบ้านรายหนึ่งบอกกับอัลจาซีราห์ในวันอาทิตย์(30มี.ค.) พร้อมเผยว่าทีมกู้ภัยจากมัณฑะเลย์ที่อยู่ใกล้เคียง เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองสะกายก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน หลังจากสะพานยานาบอน ที่ทอดข้ามแม่น้ำอิรวดี เพิ่งกลับมาเปิดใช้งาน
สะพานอังวะ ที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งสร้างขึ้นสมัยเป็นอาณานิคมของอังกฤษเมื่อราวๆ 90 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากที่พังถล่มลงมา ครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในวันศุกร์(28มี.ค.) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเวลานี้อยู่ที่อย่างน้อย 1,700 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 3,400 คน อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้มาก ครั้งที่ขอบเขตความเสียหายที่แท้จริงเริ่มกระจ่างออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันข้างหน้า
"ทีมกู้ภัยจากมัณฑะเลย์ ไม่สามารถเข้าถึงเราในทันที เพราะว่าสะพานถล่ม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาเพิ่งมาถึงในวันนี้" Thar Nge กล่าวระหว่างเดินสำรวจเมือง พร้อมกับยอมรับว่าเวลานี้เขาละทิ้งความหวังเจอลูกชายในสภาพที่มีชีวิตอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่คนจำนวนมากภายในเมือง ก็ต่างสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเช่นกัน
เท่าที่ Thar Nge รู้ มีร่างไร้วิญญาณเกือบ 90 ศพที่กู้ออกมาได้ สวนทางกับจำนวนผู้คนเพียงแค่ 36 คน ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาเป็นๆ จากบ้านพัก อาคารธุรกิจและวัดพุทธต่างๆนานา ในพื้นที่ดังกล่าว "คนจำนวนมาก เช่นเดียวกับพระและแม่ชีในสะกาย ติดอยู่ใต้อาคาร ในนั้นรวมถึงวัดวาอารามและสำนักชี โฟกัสในตอนนี้กำลังเปลี่ยนจากช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ไปสู่การกู้ศพและฝังร่างผู้เสียชีวิต"
ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราห์รายงานว่าได้กลิ่นศพเหม็นคลุ้งทุกหนทุกแห่งในเมืองสะกาย
ในมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของพม่า ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกราวๆ 22 กิโลเมตร ปัญหาขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมือพิเศษ ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและญาติๆของผู้คนที่ติดอยู่ใต้ซาก ต้องใช้มือเปล่าขุดคุ้ยค้นหาผู้รอดชีวิต
นอกเหนือจากถนนพังย่อยยับแล้ว กลุ่มก้อนอาคารต่างๆทั้งได้รับความเสียหายร้ายแรงหรือไม่ก็พังทลายลง ไฟฟ้าถูกตัดขาดจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของมัณฑะเลย์และสะกาย ท่ามกลางอุณหภูมิร้อนระอุแตะระดับสูงสุด 39 องศาเซลเซียสในวันอาทิตย์(30มี.ค.)
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน Ko Lin Maw ชาวบ้านอีกคน เผยว่าตนเองแทบทำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นแต่รอคอยช่วยเหลืออยู่ที่บ้านที่พังถล่มลงมาในมัณฑะเลย์ "แม่ของผมและลูกชาย 2 คนของผม ยังคงติดอยู่ใต้ซากหักพัง" เขาให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราห์
แม้ว่ายังมีสัญญาณโทรศัพท์มือถือให้โทรขอความช่วยเหลือ แต่ทีมกู้ภัยที่มีอยู่ในน้อยนิดในมัณฑะเลย์ ได้ให้ความสำคัญลำดับต้นๆไปที่พื้นที่ประสบภัยขนาดใหญ่กว่า บริเวณที่เชื่อว่ามีคนจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากหักพัง
"ชัดเจนว่าจำนวนเจ้าหน้าที่กุ้ภัยไม่เพียงพอช่วยเหยื่อ" Ko Lin Maw กล่าว พร้อมคร่้ำครวญว่าผ่านไปแล้ว 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว แต่เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินก็ยังคงไม่เพียงพอ และสิ่งของบรรเทาทุกข์ยังเดินทางมาไม่ถึงเมืองแห่งนี้
Htet Wai เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของพม่า เดินทางจากย่างกุ้ง ซึ่งอยู่ห่างออกไป 627 กิโลเมตร และมาถึงมัณฑะเลย์ ในตอนเช้าวันอาทิตย์(30มี.ค.) แต่ด้วยการโทรคมนาคมขัดข้องอย่างรุนแรงตามหลังแผ่นดินไหว โทรศัพท์มือถือแทบใช้งานไม่ได้และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสะดุด ทาง Htet Wai เผยว่าทีมงานของเขาต้องพึ่งพิงข้อมูลที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก เพื่อตัดสินใจว่าจุดใดที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขามากที่สุด
"ตอนเช้าวันนี้ ทันทีที่เราเดินทางมาถึง เราไปยังพื้นที่หนึ่งที่เราพบว่ามีคนออนไลน์" Htet Wai กล่าว แต่ความพยายามกู้ภัยครั้งแรกลงเอยด้วยการไปเก็บกู้ศพแทน "ด้วยอากาศร้อนเช่นนี้ ผมเกรงว่าเราจะไปเจอร่างผู้เสียชีวิตมากกว่าผู้รอดชีวิต เราพวกเขาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เขาบอกกับอัลจาซีราห์
นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือหนักสำหรับเครื่องย้ายเศษซากแล้ว ถุงใส่ศพก็มีความจำเป็นเช่นกัน Htet Wai ระบุ
ในขณะที่นักอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าแถบตอนกลางของพม่า จะพบเห็นอุณหภูมิตอนกลางวันแตะระดับ 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้นในสัปดาห์นี้ ทาง Htet Wai บอกว่าร่างไร้วิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่ยังคงติดอยู่ใต้ซากหักพัง กำลังเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
"เราพบศพที่เน่าเปื่อยแล้ว มันใจสลาย" เขากล่าว "มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าที่เราจะจัดการได้เพียงลำพัง" Htet Wai ระบุ
(ที่มา:อัลจาซีราห์)