เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - บริษัท China Railway Engineering Group หรือ CREG ยูนิตที่ 10 หรือที่รู้จักในนาม ไชน่า เรลเวย์ หมายเลข 10 (China Railway No.10 Engineering Group) กำลังโดนตรวจสอบจากทั้งสังคมและรัฐบาลมีข่าวเกี่ยวข้องอิหร่านสร้างทางรถไฟเส้นเตหะราน-อิสฟาฮาน พบเบื้องหลังบริษัทแม่คือ ไชน่าเรลเวย์คอนสตรักชันคอร์โปเรชัน CRCC (China Railway Construction Corporation) ถูกสหรัฐฯในสมัยรัฐบาลทรัมป์ 1 เมื่อปี 2020 สั่งขึ้นบัญชีดำคว่ำบาตรถือเป็นบริษัทเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ขณะที่แผ่นดินไหวพม่า 7.7 แมกนิจูดกลายเป็นบททดสอบทรัมป์ 2.0 ชิ้นแรกหลังตัด USAID
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันเสาร์(29 มี.ค)ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมไม่ต่ำกว่า 1,644 คนในพม่าและบาดเจ็บ 3,408 คน ส่วนไทยเสียชีวิต 13 คนอ้างอิงจากสื่อในไทย กลายเป็นบททดสอบภัยพิบัติตามธรรมชาติครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หลังประกาศยุบ USAID องค์กรบรรเทาทุกข์
สกายนิวส์ชี้ว่า อดีตเจ้าหน้าที่ USAID เปิดเผยว่าระบบสภาพปัจจุบันของ USAID นั้นไม่สามารถทำงานได้จากการที่ไม่มีเงินเพื่อที่จะส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ การช่วยกู้ภัยหรือค้นหาไปให้กับพม่าได้ แต่ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯอ้างว่ายังคงมีทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอยู่
เป็นบทดสอบสหรัฐฯในฐานะผู้นำโลกเสรียุคทรัมป์สั่งขึ้นภาษีทุกประเทศและไร้ USAID ที่ประเดิมจากวิกฤตภัยธรรมชาติครั้งแรกที่พม่าโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ในวันศุกร์(28) ประกาศว่าให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐฯจะช่วยเหลือเมียนมาซึ่งปัจจุบันยังคงเกิดสงครามกลางเมือง สื่ออังกฤษรายงาน
อ้างอิงจากสำนักงานหอจดหมายเหตุสหรัฐฯ (US National Archives and Records Administration) พบว่า ทรัมป์ตั้งแต่สมัยแรกเมื่อปี 2020 ขึ้นบัญชีดำบริษัท ไชน่าเรลเวย์คอนสตรักชันคอร์โปเรชัน CRCC (China Railway Construction Corporation)
เป็นการอาศัยอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯตามคำสั่ง Executive Order 13959 ลงนามเมื่อวันที่ 12 พ.ย ปี 2020
และเป็นบริษัทแม่ของ China Railway Engineering Group หรือ CREG ยูนิตที่#10 หรือที่รู้จักในนาม ไชน่า เรลเวย์ หมายเลข 10 (China Railway No.10 Engineering Group) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินใหม่ที่เพิ่งถล่มมาสัปดาห์นี้ โดยเป็นการสร้างร่วมกับบริษัทอิตาเลียนไทย
คำสั่งประธานาธิบดีหมายเลข 13959 ของทรัมป์ 1.0 นั้นสั่งห้ามพลเมืองสหรัฐฯลงทุนในบริษัทจีนจำนวน 31 บริษัทโดยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ China Railway Construction Corporation หรือ CRCC
นอกเหนือจาก CRCC ที่โดนคว่ำบาตรยังรวมถึง บริษัทด้านนิวเคลียร์จีน China National Nuclear Corporation และบริษัทด้านอุตสาหกรรมอวกาศจีน China Aerospace Science and Technology Corporation เป็นต้น
โดยคำสั่งทรัมป์ระบุว่า บริษัทเหล่านี้ถึงแม้จะยังคงอยู่ในรูปเอกชนและพบเรือนแต่ทว่ากลับมีการสนัยสนุนโดยตรงทางการทหาร ข่าวกรอง และหน่วยความมั่นคงต่างๆของจีนและให้การสนับสนุนการพัฒนาและการปรับปรุงให้ทันสมัย
และคำสั่งยังชี้ว่า แต่ในเวลาเดียวกันบริษัทเหล่านี้ยังคงเข้ามีระดมทุนด้วยการขายหุ้นให้แก่นักลงทุนอเมริกันซึ่งทรัมป์ชี้ว่า จีนเป็นภัยคุกคามต่อทั้งสหรัฐฯและกำลังพลในต่างแดน
ทั้งนี้บริษัท CRCC และบริษัท China Railway Engineering Group ทั้งสองถือเป็นหัวหอกสำคัญในโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง BRI ของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง
อ้างอิงจาก CGTN รายงานวันที่ 19 ต.ค ปี 2023 พบว่านับตั้งแต่โครงการ BRI เริ่มต้นขึ้นบริษัท CRCC นั้นเกี่นวข้องอย่างแข็งขั้นในกรอบงาน BRI ในโปรเจกต์ทางรถไฟหลายสิบประเทศทั่วโลก ซึ่งนำมาสู่การก่อสร้างเส้นทางรถไฟไม่ต่ำกว่า 12,000 ก.ม
สำหรับตึกสำนักงานสตง.หลังใหม่พบว่าตามการรายงานของ MGRออนไลน์อ้างอิงสื่อในฮ่องกงระบุ โครงการก่อสร้างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหลังนี้เป็นอาคารสูง 30 ชั้น มูลค่างานก่อสร้าง เท่ากับ 2,136 ล้านบาท เริ่มงานก่อสร้างเมื่อปี 2020
อาคารดังกล่าวเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2563 และเพิ่งจัดพิธีฉลองการก่อสร้างถึงชั้นสูงสุดเมื่อเดือนเมษายน 2567 โดยมีการแขวนผ้าผืนใหญ่พร้อมข้อความแสดงความยินดีภาษาจีน
ทั้งนี้พบว่า ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในสมัยนั้นคือ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส และรองผู้ว่าการ สิรินทร์ พันธ์เกษม เคยเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2559 หรือเกิดขึ้น 4 ปีก่อนที่ตึก สตง.ใหม่จะเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2563
แต่อย่างไรก็ตามการก็สร้างต้องหยุดชั่วลงชั่วคราวเนื่องจากการระบาดโควิด-19
อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยนางสิรินทร์ พันธ์เกษม รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยการตรวจสอบหนานจิง (Nanjing Audit University ) โดยผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้รับมอบใบประกาศเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ (Honorary Professorship) จากมหาวิทยาลัยการตรวจสอบหนานจิง รวมทั้งได้มีการลงนามบันทึกความเข้า (MOU) เพื่อความร่วมมือทางวิชาการ และให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวโน้ม มุมมองการตรวจเงินแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 20 – 22 เมษายน 2559 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน
สื่อในประเทศรายงานวันเสาร์(29)ว่า นาย มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สตง.คนปัจจุบัน มีนัดหมายประชุมเวลส 08.00 น.ของวันเสาร์(29)กับผู้บริหาร สตง. และทีมงาน นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ก่อนจะไปเสนอต่อที่ประชุมในเวลา 09.30 น. ที่มีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรนั่งเป็นประธานเพื่อตรวจดูว่าเทคนิคโครงสร้างแบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คานของสร้างตึกสมัยใหม่ต้นต่อปัญหาจริงหรือไม่
ซึ่งตามรายงานระบุอ้างว่ส เป็นเทคนิคสมัยใหม่ของบริษัทจีนที่ช่วยลดต้นทุนได้แต่ทั้งนี้สำหรับค่าก่อสร้างอาคารสตง.ที่จตุจักร 30 ชั้นกลับสูงถึง 2,136 ล้านบาท
China Railway No.10 Engineering Group เคยเขียนบทความอ้างว่า “เทคโนโลยีนี้มั่นคง ปลอดภัย และจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม”
พบผู้ชนะการประกวดราคา ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) ซึ่งเป็นผู้เสนอราคารายต่ำสุด เป็นที่น่าสังเกตถึงประเด็น “เป็นผู้เสนอราคารายต่ำสุด”นั้นเคยเป็นปัญหาในอเมริกาใต้ที่ถูกบริษัทคู่แข่งชาติยุโรปร้องเรียนที่บริษัทจีนใช้แทคติกนี้
อ้างอิงจาก dialogo-americas รายงานวันที่ 28 มี.ค ปี 2024 พบว่า คณะกรรมาธิการยุโรป EC ได้เปิดทำการสอบสวนว่าบริษัทรถไฟจีน China Railway Rolling Stock Corporation หรือ CRRC ใช้แผนประกวดต่ำกว่าราคาจากการที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนจนทำให้สามารถเสนอราคาประกวดได้ต่ำสุดหรือไม่
พบปัญหาลามไปทั่วหลายประเทศในแถบนั้น
ในรายงานยังระบุต่อว่า ส่วนบริษัท China Railway No.10 Engineering Group ( CREC 10)ที่สร้างตึกสตง.ในไทยโดนสั่งให้ขาดคุณสมบัติชั่วคราวใน ‘เปรู’ จากการที่ยอมเป็นบริษัทรับเหมาช่วงให้บริษัทอื่นในการสร้างสะพาน Viru Viru
สำหรับบริษัท China Railway Engineering Group นั้นยังมีความอื้อฉาวเพราะมีรายงานเกี่ยวข้องกับอิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯจับตา
รอยเตอร์เคยรายงานเมื่อวันที่ 21 มี.ค 2018 ว่า จีนเกี่ยวข้องในโครงการระบบรางรถไฟในอิหร่านสะท้อนถึงโครงการ BRI ของตัวเองที่ต้องการปรับปรุงการคมนาคมและการเชื่อมต่อทางการค้าโลก โดยบริษัท China Railway Engineering Corp กำลังจะก่อสร้างเส้นรถไฟความเร็วสูงระยะทาง 415 ก.มเชื่อมระหว่างกรุงเตหะรานและอิสฟาฮาน(Isfahan)โดยผ่านกอม(Qom)
โดยบริษัทแม่คือ China Railway Construction Corp หรือ CRCC เมื่อต้นปีนั้นได้เปิดเผยว่า 1 ในบริษัทลูกชนะสัญญา 3.53 พันล้านหยวนในการสร้างทางรถไฟระหว่างเคอร์มานชาห์( Kermanshah) และ โคสราวี (Khosravi)