กระทรวงการค้าของฝรั่งเศส ประณามสหรัฐฯในวันเสาร์(29มี.ค.) แทรกแซง "โดยไม่อาจยอมรับได้" หลังสถานทูตอเมริกาในปรุงปารีส ส่งหนังสือถึงบริษัทแดนน้ำหอมแหลายแห่ง เกี่ยวกับการใช้โครงการความหลากหลายที่เรียกกันว่า DEI (ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน) ที่บ่อยครั้งเป็นเป้าโจมตีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
หนังสือที่ส่งถึงบรรดาบริษัทฝรั่งเศส ที่ปัจจุบันทำธุรกิจกับสหรัฐฯ หรือกำลังมองหาลู่ทางทำธุรกิจในอเมริกา ในนั้นได้แนบแบบสอบคำถามๆหนึ่้ง ขอให้บริษัททั้งหลายชี้แจงว่าพวกเขา "ไม่ได้ดำเนินการในโครงการต่างๆที่ส่งเสริมความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน หรือ DEI"
แบบสอบถามดังกล่าว ระบุด้วยว่าโครงการ DEI นั้น ละเมิดการบังคับใช้ฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลกลางในสหรัฐฯ ที่ ทรัมป์ ได้ลงนามแบนโครงการ DEI ไปแล้วในระดับรัฐบาลกลาง ไม่กี่วันหลังจากเขากลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัย 2
ฝรั่งเศส ซึ่งเดือดดาลอยู่ก่อนแล้วต่อความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในการรีดภาษีนำเข้า ตอบโต้กลับผ่านกระทรวงการค้าต่างประเทศ "สหรัฐฯแทรกแซงนโยบายการอยู่ร่วมกันของเหล่าบริษัทฝรั่งเศส เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เช่นเดียวกับคำขู่รีดภาษีที่ไร้ความชอบธรรม ฝรั่งเศสและยุโรปจะปกป้องบริษัทของตนเอง ลูกค้าของตนเอง เช่นเดียวกับค่านิยมของเราด้วย"
โครงการที่ออกแบบมาเพื่อมอบโอกาสแก่คนผิวสี ผู้หญิงและกลุ่มอื่นๆที่ในอดีตถูกกีดกันอยู่วงนอก โปรแกรม DEI ไม่เป็นที่พึงพอใจของทรัมป์และบรรดาผู้ติดตาม ที่มองว่ามันเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่ให้ความสำคัญกับความสามารถ
จดหมายที่เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ Le Figaro ในวันศุกร์(28มี.ค.) แจ้งกับบรรดาบริษัทต่างๆว่า คำสั่งบริหารของทรัมป์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เกี่ยวกับการยุบโครงการ DEI "จะบังคับใช้กับทุกบริษัทรับเหมาและบรรดาซัพพลายเออร์ของรัฐบาล โดยไม่สนเชื้อชาติหรือประเทศของผู้ปฏิบัติการ"
สำนักงานของ เอริค ลอมบาร์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประณามว่าหนังสือดังกล่าวสะท้อนถึงค่านิยมของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ "พวกเขาไม่ใช่เรา ทางกระทรวงฯจะเตือนไปยังกระทรวงเศรษฐกิจของอเมริกาในเรื่องนี้"
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีบริษัทมากน้อยแค่ไหนที่ได้รับหนังสือดังกล่าว ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจคาดการณ์อาจมีไม่กี่สิบบริษัทที่ได้รับมัน แต่ก็เชื่อว่านี่ยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้าย ขณะที่ทางสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงปารีส ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
ตอนที่ถูกเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ใช้หัวจดหมายของสถานทูตสหรัฐฯ ""ถ้าบริษัทต่างๆที่ได้รับหนังสือในรูปแบบดังกล่าว ไม่ใช่ช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการ มันก็ไม่สำคัญเท่าหนังสือทางการทูต" คริสโตเฟอร์ เมสนูห์ ทนายความธุรกิจอเมริกา ที่มีสำนักงานในปารีส บอกกับเอเอฟพี พร้อมกล่าวต่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯไม่อาจบีบบังคับให้บรรดาบริษัทฝรั่งเศสทำตามกฎหมายของพวกเขา
ในข้อเท็จจริงคือ นโยบายยืนยันสิทธิประโยชน์ของคนบางกลุ่มเป็นสิ่งที่ไม่ชอบตามกฎหมายในฝรั่งเศส ซึ่งแบนการปฏิบัติบนพื้นฐานของพื้นเพ กลุ่มชาติพันธุ์หรือศาสนา กระนั้นบริษัทจำนวนมากยังหาทางใช้ความหลากหลายในกลุ่มคนที่จ้างาน
อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันฝรั่งเศสกำหนดให้นายจ้างมากกว่า 1,000 แห่ง ส่งเสริมความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิง ภายใต้กฎหมายปี 2021 โดยมีเป้าหมายมีเหล่าผู้บริหารที่เป็นผู้หญิงในสัดส่วนอย่างน้อยๆ 30%
นั่นหมายความว่าบริษัทหนึ่งใดของฝรั่งศสที่ยึดถือข้อเรียกร้องที่ระบุอยู่ในหนังสือของสหรัฐฯ อาจเสี่ยงฝ่าฝืนกฎหมายในฝรั่งเศส
ประธานกลุ่มบริษัท CPME ของฝรั่งเศส เรียกหนังสือฉบับนี้ว่าเป็น "การโจมตีอธิปไตยของฝรั่งเศส" และเรียกร้องเหล่านักการเมืองและพวกผู้นำทางธูรกิจ "ร่วมกันยืนหยัด" ต่อต้านมัน
(ที่มา:เอเอฟพี)