เรดิโอ ฟรี เอเชีย (Radio Free Asia - RFA) แถลงเมื่อวันศุกร์ (28 มี.ค.) ว่าอาจจะต้อง “ปิดตัว” ลงอย่างเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ หากศาลสหรัฐฯ ไม่มีมาตรการยับยั้งคำสั่งตัดเงินอุดหนุนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
สื่อเจ้านี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐฯ เพื่อขอให้ยับยั้งคำสั่งตัดเงินอุดหนุนของรัฐบาลทรัมป์ และเพื่อให้ทางสำนักข่าวยังคงสามารถเข้าถึงงบสนับสนุนที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
“ในการยื่นฟ้องครั้งนี้ เราได้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติงาน ชื่อเสียง และศักยภาพของเราในการปกป้องสื่อมวลชนซึ่งรายงานข้อมูลจากภูมิภาคที่อันตรายที่สุดของโลกกำลังได้รับผลกระทบรุนแรงจนไม่อาจแก้ไขกลับคืนได้” RFA ระบุในถ้อยแถลง
“หากศาลไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย RFA ก็คงจะต้องยุติการปฏิบัติงานภายในสิ้นเดือน เม.ย.”
ปัจจุบัน RFA ได้มีคำสั่งพักงานลูกจ้างในสหรัฐฯ แล้ว 75% และยังต้องพักงานผู้สื่อข่าวฟรีแลนซ์อีกมากกว่า 90%
RFA ได้มีการแพร่ภาพกระจายเสียงทั่วภูมิภาคเอเชียมาตั้งแต่ปี 1996 โดยนักสิทธิมนุษยชนชี้ว่า ผู้สื่อข่าวของ RFA ที่มีหลากหลายสัญชาติและภาษาถือเป็นแหล่งข้อมูลข่าวที่เชื่อถือได้เพียงไม่กี่เจ้าในบรรดารัฐเผด็จการ และช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ เช่น ชาวมุสลิมอุยกูร์ในจีน เป็นต้น
RFA มีการเข้าถึงผู้เสพข่าวทั่วโลกมากกว่า 60 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์
การตัดเงินอุดหนุน RFA รวมถึง วอยซ์ ออฟ อเมริกา (VOA) เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการประหยัดรายจ่ายภาครัฐที่นำโดย ทรัมป์ และมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ซึ่งมองว่าเงินภาษีของชาวอเมริกันกำลังถูกจ่ายอย่างสิ้นเปลืองไปกับสิ่งซึ่งไม่ได้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ดี สมาชิกสภาคองเกรสและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิหลายคนเตือนว่า การตัดงบสนับสนุนสื่อเหล่านี้จะบ่อนทำลาย "ซอฟต์พาวเวอร์" ที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ทั่วโลก ในห้วงเวลาที่ "จีน" กำลังพยายามแผ่สยายอิทธิพล
ที่มา: รอยเตอร์