ประเทศบิ๊กๆ ทั่วโลกพากันประณามมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรรถยนต์ 25% รวดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายชาติประกาศจะตอบโต้แน่นอน ด้านประมุขทำเนียบขาวบลั๊ฟกลับ ขู่รีดภาษีอ่วมกว่าเดิม ถ้าขืนอียูกอดคอแคนาดาเอาคืนสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงเมื่อวันพุธ (26 มี.ค.) ว่า สิ่งที่อเมริกากำลังจะทำก็คือ เรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้นในอัตรา 25% จากรถยนต์ทั้งหมดที่ไม่ได้ผลิตในอเมริกา
ตามตัวเลขสถิติ ปี 2024 ที่ผ่านมาอเมริกานำเข้าผลิตภัณฑ์ยานยนต์รวมมูลค่า 474,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์นั่งมูลค่า 220,000 ล้านดอลลาร์ โดยประเทศซัปพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดสุด ได้แก่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และเยอรมนี ซึ่งล้วนถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ
ปรากฏว่าข่าวนี้ส่งผลกระทบกระเทือนหนักต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยที่ตลาดหุ้นทั้งทางเอเชียและทางยุโรปติดตัวแดงเถือกยกกระดานในวันพฤหัสบดี (27) นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ ซึ่งพากันดำดิ่งตั้งแต่โตโยต้า ในตลาดหุ้นโตเกียว ฮุนได ที่ตลาดหุ้นโซล จนถึงเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ BMW ณ ตลาดแฟรงเฟิร์ต
รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี โรเบิร์ต ฮาเบค เรียกร้องให้สหภาพยุโรปตอบโต้ขั้นเด็ดขาด ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่าสิ่งที่สหรัฐฯทำในเวลานี้ มี “ผลกระทบอย่างสำคัญ” ต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แดนอาทิตย์อุทัยมีอยู่กับสหรัฐฯ และต่อเศรษฐกิจโลก โดยที่ญี่ปุ่นจะพิจารณาทางเลือกทั้งหมดที่มีอยู่
ด้าน อิริก ลองบาร์ รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส ประณามว่า มาตรการภาษีเช่นนี้ของทรัมป์มีเจตนาร้าย และวิธีรับมือเพียงอย่างเดียวสำหรับอียูคือ ขึ้นภาษีสินค้าอเมริกัน
สำหรับนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา เรียกประชุมฝ่ายต่างๆ ในวันพฤหัสฯ เพื่อหารือถึงทางเลือกทั้งหลายในทางการค้า
ส่วน กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า แนวทางของอเมริกาละเมิดกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก บ่อนทำลายระบบการค้าพหุภาคี และไม่ได้ทำให้ปัญหาของอเมริกาคลี่คลายลง ก่อนสำทับว่า พัฒนาการและความมั่งคั่งของชาติไม่ได้เกิดขึ้นจากการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากร
ทว่า ขณะที่ประเทศคู่ค้าสำคัญตั้งท่าตอบโต้ ทรัมป์ก็ออกมาขู่รอบใหม่เมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ถ้าอียูร่วมมือกับแคนาดาเพื่อทำลายเศรษฐกิจอเมริกา ทั้งคู่จะต้องเผชิญมาตรการภาษีศุลกากรขนาดใหญ่กว่าที่มีการวางแผนอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ดี มาตรการภาษีของทรัมป์ยังกำลังสร้างความปั่นป่วนให้ผู้ผลิตรถอเมริกันด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ อีลอน มัสก์ นายใหญ่ค่ายรถอีวี เทสลา ผู้เป็นพันธมิตรระดับสูงของทรัมป์ โดยเขาออกมายอมรับทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ราคาชิ้นส่วนเทสลาที่นำเข้าจากประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน
ขณะที่สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งอเมริกา ก็ออกคำแถลงเตือนว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากร 25% ต้องดำเนินการด้วยวิธีการที่ผู้บริโภคอเมริกันจะไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น และปกป้องศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถอเมริกา
ก่อนหน้านี้ศูนย์เพื่อการวิจัยด้านยานยนต์ประเมินว่า มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจทำให้ราคารถในอเมริกาเพิ่มขึ้นคันละหลายพันดอลลาร์ รวมทั้งส่งผลกดดันตลาดแรงงาน
สอดคล้องกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าหลายคนที่มองว่า ราคารถจะแพงขึ้นและดีมานด์ตกลง ซึ่งจะกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากสถานการณ์ที่ไร้ความแน่นอนอันเป็นผลจากการขู่ขึ้นภาษีครั้งก่อนๆ หลายระลอกมาแล้วของทรัมป์ ตลอดจนการตอบโต้ของประเทศต่างๆ
ทว่า ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการค้าและอุตสาหกรรมการผลิตของทรัมป์ แถลงภายหลังการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรใหม่คราวนี้ โจมตีพวกคู่ค้าต่างชาติว่ามีพฤติการณ์ขี้โกงจนทำให้ภาคการผลิตของอเมริกากลายเป็นแค่โรงงานประกอบชิ้นส่วนซึ่งนำเข้ามาจากต่างชาติที่มีค่าแรงต่ำ ซึ่งเขาพุ่งเป้าหมายถึงเยอรมนีและญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศเหล่านี้เองคงการผลิตชิ้นส่วนมูลค่าสูงไว้ในบ้านของตน
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคมเป็นต้นมา ทรัมป์ได้ขึ้นหรือขู่จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา เม็กซิโก และจีนหลายระลอก ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าในอัตรา 25%
อย่างไรก็ดี สำหรับในครั้งล่าสุดนี้ ทำเนียบขาวแถลงว่า เฉพาะรถที่นำเข้าภายใต้ข้อตกลงอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (ยูเอสเอ็มซีเอ) อาจถูกเรียกเก็บภาษีไม่ถึง 25% ขึ้นอยู่กับปริมาณชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯภายในรถแต่ละคัน ขณะที่ชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้าสหรัฐฯภายใต้ข้อตกลงยูเอสเอ็มซีเอจะยังคงไม่ต้องเสียภาษี ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณารายละเอียดสำหรับชิ้นส่วนทั้งหลายที่ไม่ได้ผลิตในอเมริกา
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการค้าของทรัมป์และความกังวลว่า แผนการเหล่านั้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว กำลังสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงิน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดำดิ่งตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
กระนั้น ทรัมป์ปกป้องแผนการภาษีศุลกากรของตนว่า เป็นวิธีเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลและชุบชีวิตอุตสาหกรรมของประเทศ
นอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ทรัมป์ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่ายังเล็งรีดภาษีจากอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ยา เซมิคอนดักเตอร์ และไม้แปรรูป
สำหรับมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรรถยนต์ล่าสุดนี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย. หรือหนึ่งวันหลัง “วันปลดแอก” ซึ่งคณะบริหารทรัมป์หมายถึงการที่อเมริกาจะขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้เอากับประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่อเมริกามองว่ามีแนวทางปฏิบัติทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นไป เวลานี้สหรัฐฯยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้นี้กับประเทศใดบ้างในอัตราเท่าใด โดยในวันพุธทรัมป์กระบุเพียงว่า ภาษีตอบโต้นี้จะเรียกเก็บจากทุกประเทศ
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)