ความช่วยเหลือทางทหารที่ตะวันตกมอบแก่เคียฟและมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย ไม่อาจเบี่ยงสมดุลอำนาจในสงครามยูเครน อ้างอิงรายงานคำประเมินด้านภัยคุกคามประจำปี 2025 ของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯเมื่อเร็วๆนี้
ในรายงานประเมินภัยคุกคามด้านความมั่นคงประจำปีของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ทำการประเมินภัยคุกคามต่างๆนา จากรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ในฐานะประเทศที่เป็นภัยท้าทายต่อผลประโยชน์ของอเมริกา
ทั้งนี้ในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน ผู้เขียนรายงานระบุว่ามอสโกถือครองความได้เปรียบในสมรภูมิรบ ปรับตัวรับมือกับความพยายามจากภายนอกในการช่วยเหลือยูเครน "การบดขยี้ของสงครามพร่ากำลัง คาดหมายว่าจะก่อความอ่อนแอแก่เคียฟมากกว่าเดิม โดยไม่พิจารณาว่าสหรัฐฯหรือพันธมิตรใดๆ พยายามกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่และทำให้มอสต้องชดใช้หนักหน่วงขึ้น"
ในขณะที่ความขัดแย้งก่อความสูญเสียอย่างมากในแง่ของกำลังพล การประเมินเน้นว่ามันยังมอบบทเรียนล้ำค่าแก่มอสโกเช่นกัน ในเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้กับอาวุธและข่าวกรองของตะวันตก ในสงครามขนาดใหญ่หนึ่งๆ
"รัสเซียพิสูจน์ให้เห็นถึงการปรับตัวและความยืดหยุ่น ระหว่างการสู้รบที่พวกเขามองว่าเป็นการทำสงครามตัวแทนกับตะวันตก พวกเขายกระดับแสนยานุภาพด้านการทหารในหลายมติ ในนั้นรวมถึงระบบที่ไม่พึ่งพามนุษย์ การสงครามอิเล็กทรอนิก และการบูรณาการปฏิบัติการไซเบอร์เข้ากับความเคลื่อนไหวทางยุทธศาสตร์ของกองกำลังตามแบบ" รายงานระบุ
รายงานเตือนด้วยว่าความพยายามของตะวันตกในการบ่อนทำลายเศรษฐกิจรัสเซีย "กลับกลายเป็นการเร่งให้พวกเขาลงทุนในพันธมิตรทางเลือกอื่นและใช้เครื่องมือต่างๆนานาในด้านการทูต ในความพยายามบ่อนทำลายอิทธิพลของสหรัฐฯ ภายใต้การสนับสนุนและเสริมความเข้มแข็งจากจีน"
ปักกิ่งมองว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ไม่ชอบธรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและมีรากเหง้าจากแนวคิดสงครามเย็น คำประเมินของอเมริกาเน้นว่าบรรดาชาติใหญ่ๆที่ไม่ใช่ตะวันตก มีแนวโน้มจะเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เพื่อเสาะหานโยบายต่างๆนานาที่ท้าทายความเป็นเจ้าโลกของอเมริกา อย่างเช่นลดพึ่งพิงดอลลาร์
เอกสารเตือนว่าความขัดแย้งที่ยังคงลากยาวต่อไปในยูเครนก่อความเสียสถานการณ์ลุกลามบานปลายโดยไม่เจตนา แต่ทางรัสเซียได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว ด้วยการป้อนอาวุธมากมายเข้าสู่คลังแสงทางยุทธศาสตร์ ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนิเคลียร์ เช่นเดียวกับยกระดับความพร้อมการสงครามไซเบอร์และแสนยานุภาพปฏิบัติการต่อต้านดาวเทียม
"กองทัพอากาศและกองทัพเรือของรัสเซียยังคงไม่บุบสลาย และยังทันสมัยและมีแสนยานุภาพมากกว่าตอนที่เริ่มเข้าสู่ความเป็นปรปักษ์โดยตรงด้วยซ้ำ" รายงานระบุ
ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯมองว่าทั้งมอสโกและเคียฟอาจมีหลายเหตุผลในควมพยายามหลีกเลี่ยงทางออกที่รีบร้อนหนึ่งๆภายใต้เงื่อนไขซึ่งไม่เป็นที่พอใจ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คงเชื่อว่าแนวโน้มในทางบวกในสมรภูมิรบจะเปิดทางสำหรับการใช้ยุทธศาสตร์แห่งความอดทน ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี อาจกังวลว่าความพ่ายแพ้ที่ชัดเจน อาจกระตุ้นเสียงเดือดดาลไฟย้อนศรจากภายในประเทศ
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)