เอเจนซีส์ – คณะแพทย์โรงพยาบาลเมเจลลีเปิดเผยล่าสุด สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงใกล้ภาวะวิกฤตจนคณะแพทย์ถวายการรักษาเกือบถอดใจทั้งใช้ยาทุกตัวรวมวิธีบำบัดทุกรูปแบบมีความเสี่ยงสูงต่อการทำลายอวัยวะอื่นแต่ผ่านมาได้ในที่สุด ด้านสำนักพระราชวังบักกิงแฮมแถลงพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษทรงเลื่อนการเสด็จวาติกัน
CNN ของสหรัฐฯรายงานวันอังคาร(25 มี.ค)ว่า โรงพยาบาลเมเจลลีในกรุงโรมเปิดเผยเรื่องสุดช็อกว่า ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 38 วันในการถวายการรักษาพระประมุขแห่งโฮลีซีวัย 88 พรรษามีช่วงเวลาวิกฤตถึงขั้นคณะแพทย์ถอดใจพิจารณายุติการถวายการรักษาเพื่อให้พระองค์ทรงไปอย่างสงบ
ศาสตราจารย์ เซอร์จิโอ อัลฟิเอรี (Sergio Alfieri)หัวหน้าคณะแพทย์ผู้นำถวายการรักษาสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere della Sera ว่า ช่วงเวลาวิกฤตเกิดขึ้นในวันที่ 28 ก.พเมื่อโป๊ปฟรานซิสทรงเกิดภาวะวิกฤตทางระบบทางลมหายใจ
“พวกเราต้องเลือกเอาว่าจะยุติและปล่อยพระองค์ไปหรือเดินหน้าและพยายามยาโอสถทุกขนานและวิธีการรักษาที่เป็นไปได้ที่อาจเป็นการเสี่ยงอย่างสูงต่อการทำลายอวัยวะอื่น และในที่สุดพวกเราได้เลือกหนทางนี้”
พร้อมกับเปิดเผยต่อว่า การตัดสินใจที่จะเดินหน้าการรักษาเกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำพระองค์
“พระประมุขแห่งวาติกันมักตัดสินพระทัยเสมอ พระองค์ทรงให้ประทานอนุญาตให้ผู้ช่วยเหลือทางพระพลานามัยประจำพระองค์ มาสซิมิลาโน สตราปเปตติ (Massimiliano Strappetti )ให้เป็นผู้ตัดสินชี้ขาด ซึ่งเป็นบุคคลที่ทราบความปราถนาของโป๊ปเป็นอย่างดี
สตราปเปตตีมีรายงานว่าได้กล่าวต่อศาสตราจารย์อัลพีเอรีว่า “ให้ทดลองทุกอย่าง พวกเราจะไม่ยอมแพ้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราทั้งหมดคิดเช่นนั้น และไม่มีใครยอมแพ้”
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จออกจากโรงพยาบาลเจเมลโลในกรุงโรมวันที่ 23 มี.ค หลังจากประทับเป็นเวลา 38 วันและกลายเป็นการประทับโรงพยาบาลยาวนานที่สุดและวิกฤตมากที่สุดตั้งแต่พระองค์ทรงขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเมื่อ 12 ปีก่อน
ศาสตราจารย์ชื่อดังเปิดเผยว่า เป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่ต้องการให้สำนักวาติกันแถลงเป็นทางการเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์โดยละเอียดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนที่มาจากการเตรียมโดยทีมแพทย์และคณะเลขาส่วนพระองค์และทำให้สาสุชนชาวคริสต์ทั่วโลกทำให้ทราบถึงลำดับอาการพระประชวรและการถวายรักษาพระองค์ของโรงพยาบาล
“จากตั้งแต่วันแรก พระองค์ได้ขอให้พวกเรากล่าวต่อพระองค์ตามความเป็นจริงและพระองค์ต้องการให้พวกเราทั้งหมดพูดแต่ความจริงเกี่ยวกับพระอาการ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงหรือปิดบัง”
ทั้งนี้ในการประทับที่วาติกันในที่ประทับอย่างเป็นทางการ Casa Santa Marta คณะแพทย์โรงพยาบาลได้กำหนดให้พระองค์ต้องได้รับการถวายการดูแลตลอดเวลา 24 ช.มรวมไปถึงการให้ออกซิเจนหากเกิดฉุกเฉิน
สมเด็จพระสันตะปาปาจะกลับมาทรงงานอย่างช้าๆ โดยทรงได้เริ่มต้นไปบ้างแล้วรวมไปถึงการลงพระนามในเอกสารต่างๆ
CNN รายงานว่า พระองค์ทรงมีหมายกำหนดต้องพบพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า
แต่อย่างไรก็ตามสำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์วันอังงคาร(25)การเลื่อนหมายกำหนดพระราชดำเนินเยือนออกไป
โดยหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยือนวาติกันและอิตาลีเป็นเวลา 4 วันระหว่างวันที่ 7 เม.ย – วันที่ 10 เม.ย แต่เป็นที่เข้าใจว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนอิตาลีจะยังคงอยู่ในตาราง