พวกเจ้าหน้าที่จากรัฐสมาชิกอียูเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจตัดการสนับสนุนระบบอาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ที่ใช้งานโดยบรรดาพันธมิตรนาโตในยุโรป และส่งผลให้ยุโรปอยู่ในภาวะอ่อนแอ ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์ในวันอาทิตย์ (23 มี.ค.) อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดในประเด็นนี้
สหรัฐฯ จัดหาอาวุธคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของอาวุธทั้งหมดที่ยุโรปนำเข้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และจำนวนมากของระบบเหล่านั้นซ่อมบำรุงและปฏิบัติการโดยบุคลากรอเมริกา นอกจากนี้ ยุทโธปกรณ์ที่มีส่วนประกอบของสหรัฐฯ ก็อาจต้องเจอข้อจำกัดด้านอะไหล่ หากว่าอเมริกาถอนแรงสนับสนุนออกไป
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่เกรงว่าการพึ่งพิงยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันขีปนาวุธ อากาศยานสอดแนม โดรน และเครื่องบินขับไล่ อาจกลายเป็นความอ่อนครั้งใหญ่ของยุโรป เนื่องจากความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับอียู โดยมีรายงานว่าบางส่วนกังวลว่ายุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ อาจใช้งานไม่ได้ในทางปฏิบัติ หากว่าถูกขัดขวางจากการเข้าถึงอะไหล่ ซอฟต์แวร์และข้อมูล
"มันไม่ใช่ประเด็นที่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ อาจกดปุ่ม แล้วเครื่องบินทั้งหมดร่วงหล่นจากท้องฟ้า แต่มันเป็นประเด็นเกี่ยวกับการพึ่งพา โดยเฉพาะในด้านข่าวกรองและการสื่อสาร" เจ้าหน้าที่อียูรายหนึ่งบอกกับวอชิงตันโพสต์ พร้อมเผยว่าสมาชิกอียูหลายชาติเวลานี้กำลังตรวจสอบคลังแสงของตนเอง เพื่อประเมินว่าแต่ละชาตินั้นอยู่ในภาวะอ่อนแอมากแค่ไหน ในกรณีที่ถูกตัดขาดการสนับสนุน
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อเร็วๆ นี้ เรียกร้องทางกลุ่มให้หยุดซื้ออาวุธของอเมริกา โดยชี้ว่าความพยายามเติมเต็มอาวุธของยุโรปจะกลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ หากว่ารัฐสมาชิกยังคงพึ่งพิงยุทโธปกรณ์จากอเมริกา ส่วน ฟรีดริช เมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เสนอให้ขยายโล่ป้องปรามนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ครอบคลุมบรรดาชาติเพื่อนบ้านอียู ความเคลื่อนไหวที่ มาครง บอกว่าจะมีการพูดคุยกัน
รัสมัส จาร์ลอฟ ประธานคณะกรรมการกลาโหมของเดนมาร์ก ยอมรับว่าเขารู้สึกเสียใจที่โคเปนเฮเกนซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เขาเรียกมันว่า "มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง" และเตือนว่าอเมริกาอาจทำให้ระบบนี้ใช้งานไม่ได้ หากว่า เดนมาร์ก ปฏิเสธข้อเรียกร้องต่างๆ อย่างเช่นเกาะกรีนแลนด์
โปรตุเกสยกเลิกแผนซื้อ F-35 อ้างถึงบริบทภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ส่วน เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมตรีสหราชอาณาจักร สนับสนุนการผลักดันสำหรับความเป็นเอกราชทางทหาร โดยบอกว่า "การที่อาจมีประเด็นปัญหากับทรัมป์ ทางยุโรปจึงจำเป็นต้องใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มเติม"
(ที่มา : วอชิงตันโพสต์/อาร์ทีนิวส์)