(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
China probes Li Ka-shing’s Panama ports deal for security concerns
by Yong Jian
19/03/2025
อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังในจีน เรียกเจ้าสัว ลี กาชิง อภิมหาเศรษฐีวัย 96 ปี ว่าเป็น “โจรในบ้าน” และเสนอแนะให้ใช้เครื่องมือทางกฎหมาย มาจัดการกับเขา
ปักกิ่งกำลังดำเนินการตรวจสอบดีลของ ลี กาชิง ซึ่งเสนอขายกิจการท่าเรือทั่วโลกของเขา รวมทั้งท่าเรือ 2 แห่งที่คลองปานามา ให้แก่ แบล็กร็อก (BlackRock) หลังจากประสบความล้มเหลวไม่สามารถเปลี่ยนใจเจ้าสัวใหญ่ฮ่องกงผู้นี้ได้ ไม่ว่าด้วยการอาศัยการกดดันแบบพูดจากันเป็นการภายใน หรือออกแรงบีบคั้นแบบเปิดเผยต่อสาธารณชน
มีรายงานว่าพวกผู้นำอาวุโสของจีนได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลของจีนหลายแห่ง รวมไปถึงสำนักงานบริหารแห่งรัฐเพื่อการจัดระเบียบตลาด (State Administration for Market Regulation) ให้พินิจพิจารณาดีลที่เสนอออกมานี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) [1] เมื่อวันอังคาร (18 มี.ค.) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวหลายรายที่มิได้มีการเอ่ยชื่อ
ตามข่าวของบลูมเบิร์ก การสอบสวนนี้มุ่งจะตรวจสอบว่าธุรกรรมนี้เกี่ยวข้องพัวพันกับความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดรอยรั่วทางด้านความมั่นคงขึ้นมา หรือมีการละเมิดมาตรการต่อต้านการผูกขาดใดๆ หรือไม่ ทว่ามันไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งผลให้มีการลงมือดำเนินการใดๆ ติดตามมา
โฆษกผู้หนึ่งของ ซีเค ฮัทชิสัน (CK Hutchison) บอก [2] กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทจะไม่จัดการแถลงข่าวหรือการพบปะชี้แจงนักลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากรายงานผลประกอบการประจำปี 2024 ของบริษัทออกมาในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ซีเค ฮัทชิสัน แถลง [3] ว่า ตนได้ตกลงเห็นชอบที่จะขายหุ้นทั้ง 80% ที่ถืออยู่ในบริษัทฮัทชิสัน พอร์ตส์ (Hutchison Ports) –โดยที่บริษัทลูกของ ซีเค ฮัทชิสัน แห่งนี้ เป็นเจ้าของ, ผู้ดำเนินการ, และผู้พัฒนา ท่าเรือรวมทั้งหมด 43 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยท่าเทียบเรือทั้งสิ้น 199 ท่า กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ 23 ประเทศ— ให้แก่กลุ่มร่วมค้าที่นำโดย แบล็กร็อก, โกลบอล อินฟราสตรักเจอร์ พาร์ตเนอร์ส (Global Infrastructure Partners) และ เทอร์มินัล อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด (Terminal Investment Limited หรือ TiL) ในราคา 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตนจะไม่ขายพวกท่าเรือที่ตั้งอยู่ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่
บริษัทแถลงด้วยว่า จะสรุปดีลนี้ให้เสร็จสิ้นจนถึงขั้นสุดท้ายภายใต้เวลา 145 วันข้างหน้า
ในคืนวันที่ 4 มีนาคมนั้นเอง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าว [4] ระหว่างปราศรัยแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาอเมริกันว่า คณะบริหารของเขามองเห็นความคืบหน้าในการกล่าวอ้างสิทธิเหนือคลองปานามากลับคืนมาเป็นของอเมริกา โดยที่กิจการอเมริกันแห่งหนึ่งกำลังจะซื้อท่าเรือ 2 แห่งที่ตั้งอยู่ 2 ปลายของคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
วิกเตอร์ ลี หารือกับผู้นำจีน
ซีเค ฮัทชิสัน ประกาศให้ทราบกันถึงดีลข้อเสนอฉบับนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม วันเดียวกับที่ สภาปรึกษาการเมืองของประชาชนจีน (Chinese People’s Political Consultative Conference หรือ CPPCC) จัดพิธีเปิดการประชุมประจำปีของตนขึ้นในกรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ ในประเทศจีน การประชุมของสภาปรึกษาการเมืองของประชาชนจีน และการประชุมเต็มคณะของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress หรือ NPC หรือก็คือรัฐสภาแห่งชาติของจีน) ซึ่งปกติแล้วจะจัดต่อเนื่องหลังจาก CPPCC หารือเสร็จสิ้นแล้ว ได้รับการเรียกขานกันว่า “การประชุม 2 สภา” (two sessions)
“ระหว่าง “การประชุม 2 สภา” ปีนี้ ได้มีการดำเนินการให้ วิกเตอร์ ลี (Victor Li) บุตรชายคนหัวปีของ ลี กาชิง และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ ซีเค ฮัทชิสัน ได้พบหารือกับ “ผู้นำระดับชาติ” ผู้หนึ่ง เพื่อพูดจากันเกี่ยวกับดีลขายท่าเรือปานามา กรีนบีน (Greenbean) สื่อมวลชนรายหนึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร และดำเนินงานโดยพวกนักหนังสือพิมพ์ฮ่องกง รายงาน [5] ข่าวนี้เอาไว้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม
ในจีนนั้น คำว่า “ผู้นำระดับชาติ” (national leaders) ในปัจจุบัน มีกันอยู่ 8 คน ประกอบด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง, สมาชิกอื่นๆ 5 คนที่เหลือของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Standing Committee of the Chinese Communist Party (CCP) Central Committee’s politburo), และรองประธานาธิบดี หัน เจิ้ง (Han Zheng) ถัดลงมาจากทั้ง 8 คนนี้ ยังมี รองผู้นำระดับชาติ (deputy national leaders) อีกจำนวนกว่า 60 คน
กรีนบีน รายงานข่าวโดยอ้างผู้ที่คุ้นเคยกับสถานการณ์เป็นอย่างดี ระบุว่า วิกเตอร์ ลี ได้บอกกับผู้นำจีนซึ่งมิได้มีการระบุนามรายนี้ว่า ซีเค ฮัทชิสัน กำลังขายท่าเรือของตนไปให้แก่บริษัทอิตาลีแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงกลุ่ม TiL Group กิจการแม่ของบริษัทเมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง คอมพานี (Mediterranean Shipping Company หรือ MSC) บริษัทสายการเดินเรือสินค้าคอนเทนเนอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกเวลานี้
รายงานของ กรีนบีน บอกว่า ลี กาชิง ที่ปัจจุบันอายุ 96 ปีแล้วเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของ จีอันลุยจิ อะปอนเต (Gianluigi Aponte) ผู้ก่อตั้งและประธานของเอ็มเอสซี ขณะที่ แลร์รี ฟิงค์ (Larry Fink) ประธานของแบล็กร็อก เป็นเพื่อนคนหนึ่งของ ทรัมป์
การพบหารือระหว่าง วิกเตอร์ ลี ซึ่งเวลานี้เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาๆ คนหนึ่งของ CPPCC กับผู้นำระดับชาติของจีนเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติเมื่อพิจารณาในแง่ตำแหน่งทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย
ปัจจุบัน ในจำนวนสมาชิก CPPCC ราวๆ 2,100 คน มีอยู่ 124 คนมาจากฮ่องกง โดยที่ในจำนวนนี้ 16 คนเป็นสมาชิกประจำ (standing members)—ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจใหญ่ระดับเจ้าสัว (tycoon) และคนหนึ่งเป็นรองประธานของสภา CPPCC ได้แก่ เหลียง ชุนอิง (Leung Chun-ying) อดีตประธานบริหาร หรือก็คือ ผู้ว่าการ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
วิกเตอร์ ลี เคยเป็นสมาชิกประจำคนหนึ่งของ CPPCC มาตั้งแต่ปี 1998 จวบจนกระทั่งเขาถูก “ลดขั้น” ลงมาเป็นเพียงสมาชิกธรรมดาในเดือนมีนาคม 2023 สำหรับสมาชิก CPPCC คนอื่นๆ ซึ่งมาจากฮ่องกงนั้น มีทั้งเจ้าของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอ) บางราย และพวกนักวิชาการ
อนึ่งในเดือนมีนาคม 2021 ปักกิ่งได้เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งในฮ่องกง โดยยกเลิกสิทธิเสียงในการเลือกตั้งซึ่ง ลี กาชิง เคยมีอยู่ในฐานะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาชิก 1,200 คนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Election Committee) ซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้เลือกประธานบริหารคนต่อไปของฮ่องกง
รายงานจากสื่อหลายกระแสระบุว่า ปักกิ่งไม่พอใจต่อการที่ ลี ยังคงปล่อยขายทรัพย์สินต่างๆ ที่อยู่ในจีนออกไปเรื่อยๆ แล้วหันไปลงทุนในยุโรปแทนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งปฏิเสธไม่เข้าร่วมการรณรงค์ของทางการจีนที่ดำเนินการปราบปรามผู้ประท้วงที่ก่อการต่อต้านอย่างใหญ่โตหลายระลอกในปี 2019
“สมคบคิดกับต่างชาติ”
หลังจาก “ผู้นำระดับชาติ” คนดังกล่าว ประสบความล้มเหลวไม่สามารถโน้มน้าว วิกเตอร์ ลี ให้ยุติธุรกรรมครั้งนี้ได้ ต้ากุงเป้า (Ta Kung Pao) สื่อหนังสือพิมพ์ในฮ่องกงที่เป็นปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เปิดฉากวิพากษ์โจมตีเขา
ในบทความชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ได้วิพากษ์ดีลขายท่าเรือปานามาของ ซีเค ฮัทชิสัน ว่าเป็น “การยอมคุกเข่าอย่างหมอบราบคาบแก้ว, การมุ่งแต่จะเสาะแสวงหากำไรลูกเดียว, การขายคุณธรรมความซื่อสัตย์เพื่อแลกเปลี่ยนกับกำไร, การไม่คำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติและความยุติธรรมแห่งชาติ, และการทรยศต่อประชาชนจีนทั้งมวล”
ต่อมา ในบทบรรณาธิการของฉบับวันที่ 15 มีนาคม หนังสือพิมพ์นี้บอก [6] ว่า เจ้าสัวผู้ประกอบการที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นผู้รักชาติอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ บทบรรณาธิการนี้โจมตีว่า ดีลเสนอขายท่าเรือแก่ต่างชาติของ ลี มีการคิดคำนวณวางแผนทางการเมืองเอาไว้อย่างปกปิดอำพราง โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศจีน และเป็นการช่วยเหลือเผด็จการเลวร้ายในการทำอันตรายแก่จีนและแก่โลก
บทบรรณาธิการนี้กล่าวว่า พวกเจ้าสัวผู้ประกอการชาวจีนจำนวนมาก เป็นต้นว่า เหริน เจิ้งเฟย (Ren Zhengfei) ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย มีความภาคภูมิใจเมื่อถูกสหรัฐฯแซงก์ชั่น และยังคงแสดงความปรารถนาที่จะช่วยเหลือจีนพังทลายการปิดล้อมสกัดกั้นทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ปรากฏว่า สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า (Hong Kong and Macao Affairs Office หรือ HKMAO) ที่เป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อคณะรัฐมนตรีจีน (Chinese State Council) ได้นำเอาข้อเขียนของ ต้ากุงเป้า ทั้ง 2 ชิ้นนี้มาเผยแพร่ต่อบนเว็บไซต์ของตน กลายเป็นการกระตุ้นเร่งรัดให้พวกคอมเมนเตเตอร์ชาวจีนจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตี ลี
“ลี กาชิง สมคบร่วมมือกับกลุ่มแบล็กร็อกของอเมริกา พวกเราควรต้องลงมือปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องนี้” หวัง เฉียง (Wang Qiang) อาจารย์ผู้หนึ่งของมหาวิทยาลฝู่ตั้น (Fudan University) ในเซี่ยงไฮ้ และเป็นคอลัมนิสต์เขียนเรื่องทางการทหาร กล่าว [7] ในข้อเขียนชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม
“ลี ได้รับผลประโยชน์อย่างมากมายจากจีนแผ่นดินใหญ่ในอดีตที่ผ่านมา ทว่าระหว่างเกิดเหตุจลาจลในฮ่องกง เขากลับแสดงให้เห็นใบหน้าที่น่าชังของเขา เปิดทางให้พวกเราได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นนายทุนชนิดไหน”
หวัง บอกว่าหลังจากสหรัฐฯเข้าควบคุมท่าเรือทั้งหมดที่เคยเป็นของ ลี รวมทั้งพวกท่าเรือซี่งอยู่ที่คลองปานามาแล้ว สหรัฐฯก็สามารถที่จะใช้ข้อกล่าวหาต่างๆ นานาเพื่อกดขี่บีฑาบรรดาบริษัทเดินเรือของจีน ตัวอย่างเช่น ด้วยการขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าเทียบท่าอย่างมโหฬาร หรือ “การอ้างอำนาจบังคับใช้กฎหมายของตนเองนอกอาณาเขต” (long-arm jurisdiction) เพื่อห้ามเรือจีนเข้าจอดเทียบท่า”
“นี่คือการโจมตีอย่างเจาะจงเป็นพิเศษและอย่างถูกต้องแม่นยำใส่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของพวกเรา” เขากล่าวต่อ
“มันเป็นเรื่องยากลำบากมากๆ ที่จะต้องคอยป้องกันโจรซึ่งอยู่ในบ้าน และ ลี กาชิง ก็คือ ‘โจรในบ้าน’ ของจีนนั่นเอง” เขากล่าว “ซีเค ฮัทชิสัน ของ ลี กำลังแทงข้างหลังใส่ยุทธศาสตร์แห่งชาติของเรา นี่คือการละเมิดอย่างล่อนจ้อนต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน พวกเราจะต้องจัดการกับเขาอย่างสอดคล้องกับตัวบทกฎหมายฉบับต่างๆ ที่ถูกต้องเหมาะสมของประเทศ และของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง”
ในวันอังคาร (18 มี.ค.) จอห์น ลี (John Lee) ประธานบริหารคนปัจจุบันของฮ่องกง แถลง [8] ว่า ความกังวลห่วงใยที่มีผู้แสดงออกมาเกี่ยวกับดีลของ ซีเค ฮัทชิสัน ในการขายการดำเนินงานท่าเรือต่างๆ ทั่วโลกของพวกเขาไปให้แก่กลุ่มร่วมทุนสหรัฐฯนั้น เป็นเรื่องที่มีคุณค่าสมควรแก่ “การให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง” และย้ำว่ารัฐบาลต่างประเทศทั้งหลายควรที่จะเอื้ออำนวยสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมให้แก่การทำดีลข้อตกลง
ลี บอกว่ารัฐบาลฮ่องกงจะดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การทำธุรกรรมใดๆ ก็ตามจะเป็นไปอย่างถูกต้องสอดคล้องกับกฎหมาย อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ตั้งปุจฉาว่า รัฐบาลฮ่องกงจะนำเอากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Law) ของเขตบริหารพิเศษแห่งนี้มาใช้กับกรณีนี้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020 คณะกรรมการประจำของรัฐสภาจีน ได้อนุมัติกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติชุดหนึ่ง โดยที่ในกฎหมายเหล่านี้มีการระบุถึงข้อห้ามและบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดด้วยข้อหา “สมควบคิดกับต่างชาติหรือกลุ่มพลังภายนอกเพื่อสร้างอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
ตามกฎหมายดังกล่าวระบุว่า “ความมั่นคงแห่งชาติ” [9] หมายถึงการที่ระบอบการเมือง, อำนาจอธิปไตย, ความสามัคคีเป็นเอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน, สวัสดิภาพของประชาชน, การพัฒนาทางเศรษฐกิจและทางสังคมอย่างยั่งยืน, และผลประโยชน์สำคัญแห่งรัฐอย่างอื่นๆ ของประเทศจีน อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเป็นอิสระจากอันตราย และจากภัยคุกคามทั้งจากภายในและภายนอก ตลอดจนสมรรถนะในการธำรงรักษาสภาพของความมั่นคงดังกล่าวนี้เอาไว้
บริษัทต่างชาติรายหนึ่งๆ สามารถที่จะถูกถือเป็นกลุ่มพลังภายนอกได้ ถ้าหากคณะกรรมการบริษัทมีความคุ้นเคยหรืออยู่ใต้พันธะผูกพัน (ทั้งอย่างเป็นทางการและอย่างไม่เป็นทางการ) ให้ต้องปฏิบัติตามการทิศทาง, คำแนะนำ, หรือความปรารถนา ของรัฐบาลต่างประเทศ
การสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มพลังภายนอก หมายความว่าบุคคลหนึ่งๆ กระทำการในลักษณะร่วมมือประสานงานกับกลุ่มพลังภายนอก หรือกระทำการโดยได้รับความอุปการะทางการเงินตลอดจนความสนับสนุนอื่นๆ จากกลุ่มพลังภายนอก
หย่ง เจี้ยน เป็นผู้ร่วมเขียนรายงานข่าวส่งให้แก่เอเชียไทมส์ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวจีนที่ชำนาญเป็นพิเศษในเรื่องเทคโนโลยี, เศรษฐกิจ, และการเมืองของจีน
เชิงอรรถ
[1] https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-03-18/china-is-said-to-scrutinize-li-ka-shing-s-port-deal-for-breaches
[2] https://www.reuters.com/business/ck-hutchison-will-not-hold-earnings-calls-following-port-deal-criticism-2025-03-17/
[3] https://www1.hkexnews.hk/listedco/listconews/sehk/2025/0304/2025030402128.pdf
[4] https://www.whitehouse.gov/remarks/2025/03/remarks-by-president-trump-in-joint-address-to-congress/
[5]https://greenbean.media/%E9%95%B7%E5%92%8C%E5%94%AE%E3%80%8C%E5%B7%B4%E6%8B%BF%E7%A2%BC%E3%80%8D%E7%8F%BE%E8%AE%8A%E6%95%B8-%E6%9D%8E%E6%BE%A4%E9%89%85%E8%A2%AB%E5%8C%97%E4%BA%AC%E6%AD%A3%E5%9C%8B%E7%B4%9A%E9%A0%98/
[6] https://www.hmo.gov.cn/sgazx/gayw/202503/t20250315_40513.html
[7] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1826631263005471131&wfr=spider&for=pc
[8] https://news.rthk.hk/rthk/en/component/k2/1796206-20250318.htm
[9]https://www.elegislation.gov.hk/hk/A305!en?xpid=ID_1710750904234_006&INDEX_CS=N