(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
China explores military applications with DeepSeek
by Yong Jian
01/03/2025
คอลัมนิสต์เขียนเรื่องทางทหารของจีนบอกว่า โมเดลเอไอของดีปซีค สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับยานยนต์ไร้คนบังคับควบคุมตลอดจนพวกอาวุธรุ่นใหม่ๆ
โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของ ดีปซีค (DeepSeek) สามารถที่จะนำมาใช้ในแอปพลิเคชั่นทางทหารหลายหลากประเภท ตั้งแต่การควบคุมยานยนต์ไร้มนุษย์บังคับ ไปจนถึงการออกคำสั่งต่างๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ระบุเอาไว้ในเอกสารสมุดปกขาวที่ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้โดย ฉงชิ่ง แลนด์ชิป อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (Chongqing Landship Information Technology) บริษัทให้บริการโซลูชั่นด้านการขับขี่อัตโนมัติ (autonomous driving solution provider)
แลนด์ชิป บอกว่า ดีปชีค มีศักยภาพอันยอดเยี่ยมสำหรับนำมาใช้ในทางการทหาร เป็นต้นว่า การสั่งการบังคับบัญชา, การติดต่อสื่อสาร, ตลอดจนในการปฏิบัติภารกิจ การข่าวกรอง, การเฝ้าตรวจ, และการลาดตระเวน (intelligence, surveillance, and reconnaissance หรือ ISR)
“ในการวางแผนทางยุทธศาสตร์การทหาร ดีปซีคสามารถดำเนินการวิเคราะห์แบบเจาะลึกในข้อมูลข่าวสารด้านข่าวกรองปริมาณมหาศาล และเสนอความสนับสนุนเพื่อการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำแก่บรรดาผู้บังคับบัญชาทหาร” รายงานนี้บอก “ดีปซีค มีความเข้าใจภาษาและสมรรถนะในการสร้างใหม่อย่างทรงพลังยิ่ง จึงเปิดทางให้มันสามารถปรับตัวเข้ากับการทำภารกิจต่างๆ ในสมรภูมิได้อย่างรวดเร็ว”
รายงานของแลนด์ชิปกล่าวต่อไปอีกว่า ดีปซีคสามารถที่จะประสานงานร่วมมือกับพวกดาวเทียม, เรดาร์, และโดรน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความถูกต้องแม่นยำของการลาดตระเวนทางทหาร มันสามารถที่จะจำแนกแยกแยะและระบุพวกเป้าหมายทางทหารที่สำคัญๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม และประมาณการขนาดตลอดจนจำนวนของเป้าหมายเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางทหาร
แลนด์ชิป ซึ่งเดิมมีชื่อว่า บริษัทปักกิ่ง แลนด์ชิป อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (Beijing Landship Information Technology Co Ltd,) ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2012 โดย จาง เต๋อเจ้า (Zhang Dezhao) และผู้เชี่ยวชาญเรื่องการขับขี่อัตโนมัติอีกหลายคนจากมหาวิทยาลัยชิงหัว สถาบันการศึกษาชื่อดังมากทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง
ในปี 2015 ทีมงานเดียวกันนี้ได้ก่อตั้งบริษัท ปักกิ่ง จี๋ซิ่งเจ่อ เทคโนโลยี จำกัด (Beijing Zhixingzhe Technology Co,) หรือ ไอไดรเวอร์พลัส (IDriverPlus) เพื่อพัฒนาพวกโซลูชั่นทางด้านการทำให้ยานยนต์ขับเคลื่อนไปได้ด้วยตนเอง รวมทั้งมีการออกผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ไอไดรเวอร์เบรน (IDriverBrain)
ไอไดรเวอร์พลัส และ แลนด์ชิป ใช้ชื่อแบรนด์สำหรับประดาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาว่า ซิงจี้ (Xingji) ซึ่งในภาษาจีนหมายถึง “ม้าแห่งดวงดาว” (star horse) (หรือ เชียนหลี่หม่า Qianlima [1] ม้าในเทพนิยายที่วิ่งได้อย่างรวดเร็วยิ่ง)
แลนด์ชิปแถลงเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ [2] ว่า พวกเขาได้นำเอา ดีปซีค เข้ามาติดตั้งในยานยนต์ทหารขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่มีชื่อว่า ซิงจี้ พี60 (Xingji P60) บริษัทได้นำเอายานยนต์รุ่นนี้ไปแสดงในงานนิทรรศการและการประชุมด้านกลาโหมนานาชาติ (International Defence Exhibition and Conference หรือ IDEX 2025) ที่ อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
บริษัทระบุว่า พี60 บูรณาการซอฟต์แวร์สำหรับยานขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่ใช้ในทางพลเรือนของแลนด์ชิป เข้ากับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (large language models หรือ LLMs) ที่ใช้ในทางการทหารของ ดีปซีค เพื่อบรรลุถึงการประมวลผลข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการตัดสินใจในสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ LLMs หมายถึงพวกโมเดลเอไอ อย่างเช่น แชตจีพีที (ChatGPT) ซึ่งสามารถเข้าใจภาษามนุษย์
หวัง เสี่ยว (Wang Xiao) ซึ่งเป็นทั้งประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ ไอไดรเวอร์พลัส และผู้จัดการใหญ่ของแลนด์ชิป บอกว่า ทางบริษัทวาดหวังที่จะเป็นผู้นำแนวโน้มใหม่ๆ ในภาคกลาโหม ด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำผลงานได้เยี่ยมในราคาที่สามารถซื้อหากันได้
ตามคลิปวิดีโอออนไลน์ ยานยนต์ที่นำมาแสดงในนิทรรศการที่ อาบูดาบี ไม่ได้ใช้ชื่อว่า พี60 แต่เรียกว่า ซีเอส/วีพี16บี (CS/VP16B) [3] มันตั้งแสดงอยู่ที่บูธของ นอรินโค (Norinco) หรือก็คือ บริษัทไชน่า นอร์ท อินดัสตรีส์ คอร์เปอเรชั่น (China North Industries Corporation) บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนที่ดำเนินงานทางด้านกลาโหมและเทคโนโลยี
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ไอไดรเวอร์พลัส ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ [4] กับบริษัท ฮาร์บิน นัมเบอร์วัน จีฉี แมนูแฟคเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (Harbin No.1 Jiqi Manufacture Group Company Ltd,) ที่เป็นหน่วยงานหนึ่งของนอรินโค เพื่อร่วมกันพัฒนายานยนต์กู้ภัยใช้งานได้ในทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ที่ยังไม่มีการตั้งชื่อ
ความสนับสนุนของหัวเว่ย
ดีปซีค เปิดตัวโมเดลเอไอล่าสุดของพวกเขา ซึ่งคือ ดีปซีค อาร์1 (DeepSeek R1) เมื่อวันที่ 20 มกราคม บริษัทเทรนโมเดลเอไอนี้โดยใช้ชิปหน่วยประมวลผลกราฟิก เอช 800 ของเอ็นวิเดีย (Nvidia H800 graphic processing unit) เพียงแค่ 2,000 หน่วย และใช้เทคนิควิธีการแบบประหยัดค่าใช้จ่ายที่เรียกกันว่า “การกลั่นความรู้” (knowledge distillation)
ในระหว่างกระบวนการกลั่นความรู้นี้ ดีปซีคใช้วิธีตั้งคำถามจำนวนมากเอากับพวกแชทบอตที่มีความฉลาดกว่า เป็นต้นว่า คิวเวน (Qwen) ของค่ายอาลีบาบา หรือ แชทจีพีที (ChatGPT) ของ โอเพนเอไอ (OpenAI) แล้วนำคำตอบที่ได้รับมาปรับแต่งหลักตรรกะของมันให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น จึงทำให้ของดีปซีคกลายเป็นมีความฉลาดมากกว่า
การเปิดตัวของ ดีปซีค อาร์1 ตอนปลายเดือนมกราคม เป็นสาเหตุทำให้พวกหุ้นของสหรัฐฯราคาดำดิ่งเป็นแถวๆ เนื่องจากบรรดานักลงทุนกังวลกันว่าพวกเขาอาจจะตีมูลค่าหุ้นเอไอของสหรัฐฯสูงเกินไปแล้ว
สีว์ ปิงจิว์น (Xu Bingjun) คอลัมนิสต์เขียนเรื่องทางทหาร อีกทั้งเป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่กับคลังสมอง ซินหัว เหลี่ยววั่ง (Xinhua Liaowang) กล่าวยกย่องยุทธศาสตร์ใช้ต้นทุนต่ำของ ดีปซีค เอาไว้ในข้อเขียน [5] ที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “How DeepSeek changes military AI and its impact on the United States and Western countries.” (ดีปซีคก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเอไอทางทหารอย่างไรบ้าง รวมทั้งผลกระทบของมันที่มีต่อสหรัฐฯและพวกประเทศตะวันตก)
“ดีปซีค สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบการสู้รบแบบอัจฉริยะ เพื่อทำให้ประสิทธิภาพทางการสู้รบปรับปรุงยกระดับขึ้นมาอย่างสำคัญ ทั้งด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์ในสมรภูมิแบบเรียลไทม์, การวางแผนสู้รบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, และการทำนายการปฏิบัติการต่างๆ ของฝ่ายข้าศึก” เขาพูดเช่นนี้ในข้อเขียนชิ้นดังกล่าว
“ด้วยการใช้ดีปซีค เราก็สามารถที่จะพัฒนาทั้งพวกอาวุธอัตโนมัติ, โดรน, ตลอดจนรถถังและเรือแบบที่ไม่ต้องใช้คนคอยบังคับควบคุมให้เพิ่มมากขึ้นอีก” เขากล่าว “แพลตฟอร์มสู้รบแบบไม่ต้องใช้คนคอยบังคับควบคุมเหล่านี้ สามารถทำภารกิจต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่มีความสลับซับซ้อน เป็นการลดจำนวนการบาดเจ็บล้มตายในเวลาเดียวกับที่ปรับปรุงยกระดับประสิทธิภาพในการสู้รบ”
ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ พวกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯจากทั้งสองพรรคใหญ่ได้ร่วมกันเสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง [6] ที่มีสาระสำคัญสั่งห้ามไม่ให้ใช้ดีปซีคจากเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ของรัฐบาลอเมริกัน โดยให้เหตุผลว่ามีข้อกังวลว่าจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ นอกจากนั้นแล้ว มีบางรัฐและบางหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างเช่น นิวยอร์ก และ เวอร์จิเนีย, กองทัพเรือสหรัฐฯ, และสำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration หรือ NASA) ได้ออกคำสั่งให้พวกลูกจ้างพนักงานของพวกเขา ยุติการใช้ดีปซีคบนเครื่องมืออุปกรณ์ของทางการ
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง แลนด์ชิปแถลง [7] ว่า ได้ทำงานร่วมกับศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่ (Mobile Data Center หรือ MDC) ของหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ เพื่อร่างเอกสารสมุดปกขาวฉบับล่าสุดเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นทางทหารที่อาจเกิดขึ้นมาได้จากดีปซีค บริษัทยังแสดงความคาดหวังที่จะส่งเสริมสนับสนุนการใช้ ดีปซีค ในแวดวงทางทหารโดยผ่านการร่วมมือประสานงานกันกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ร่างเอกสารสมุดปกขาวนี้ ได้เปิดเผยให้ทราบถึงเป้าหมายต่างๆ ทางด้านเอไอของ หัวเว่ย สำหรับปี 2025 เอาไว้ดังนี้:
มีนาคม - พัฒนา ดีปซีค อาร์1 บนระบบ MDC ของหัวเว่ย โดยมุ่งทำให้เกิดความเข้าใจความหมายเชิงภาษาศาสตร์ และช่วยเหลือการตัดสินใจ รวมทั้งเพื่อปรับปรุงยกระดับการให้เหตุผลแบบเรียลไทม์ (real-time reasoning)
เมษายน - นำเอา Janus-pro 7B ของ ดีปซีค มาติดตั้งบนระบบ MDC ของหัวเว่ย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ multi-modal video และปรับปรุงยกระดับความเข้าใจภาพแบบเรียลไทม์
มิถุนายน - นำเอาโปรแกรม natural language processing (NLP) ของ ดีปซีค มาทำงานด้วยชิป 310พี (310P) ของหัวเว่ย และชิป อาร์เค3588 (RK3588) ของ ฝูโจว ร็อกชิป อิเล็กทรอนิกส์ (Fuzhou Rockchip Electronics)
กันยายน – ทดสอบโดรนที่ใช้ ดีปซีค เป็นตัวให้พลัง
ธันวาคม – ใช่โดรนเพื่อจำแนกแยกแยะและระบุพวกเป้าหมายที่มีการอำพรางเอาไว้อย่างสลับซับซ้อน
ไอไดรเวอร์พลัส (IDriverPlus) มีการทำงานร่วมกับหัวเว่ยมาเป็นแรมปีแล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2022 ไอไดรเวอร์พลัส กับ หัวเว่ย ได้ลงนามกัน [8]ในข้อตกลงความร่วมมืออย่างรอบด้านเพื่อพัฒนาโซลูชั่นการขับขี่ยานยนต์อัตโนมัติ (“autonomous driving + AI”) โดยใช้ชิป แอสเซนด์ เอไอ (Ascend AI) ของหัวเว่ย
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ของปีเดียวกัน เติ้ง ไถ่หัว (Deng Taihua) รองประธานบริหารของ หัวเว่ย ได้ไปเยือน [9] สำนักงานใหญ่ของ ไอไดรเวอร์พลัส ในกรุงปักกิ่ง เพื่อหารือโครงการยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนยเอง ไอไดรเวอร์พลัสแถลงว่า จะทดสอบซอฟต์แวร์ของตนที่ ศูนย์การคำนวณด้วยแอสเซนด์ เอไอ (Ascend AI Computing Center) ของหัวเว่ย ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023
หย่ง เจี้ยน เป็นผู้ร่วมเขียนรายงานข่าวส่งให้แก่เอเชียไทมส์ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวจีนที่ชำนาญเป็นพิเศษในเรื่องเทคโนโลยี, เศรษฐกิจ, และการเมืองของจีน
เชิงอรรถ
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/Qianlima
[2]http://www.liangjiang.gov.cn/mixmedia/a/202502/27/WS67c01186e4b0840ed5659058.html
[3] https://www.youtube.com/watch?v=eWN0ovg-CXs
[4] https://www.idriverplus.com/cn/detail.html?id=72
[5] https://news.qq.com/rain/a/20250204A01DJ300
[6] https://www.nbcnews.com/business/business-news/us-lawmakers-move-ban-deepseek-government-devices-chinese-surveillance-rcna190965
[7]https://pdf.dfcfw.com/pdf/H3_AP202502171643155658_1.pdf?1739785997000.pdf
[8] https://www.doit.com.cn/p/483744.html
[9]https://maimai.cn/article/detail?fid=1750008452&efid=sYRwwMjNg6P0XgumOc5N3w