เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวล่าสุดวิตกถึงตัวเลขการติดเชื้อ HIV ป่วยโรคเอดส์พุ่งในเขตสามเหลี่ยมทองคำที่มีพื้นที่ติดต่อระหว่างลาว-ไทย-พม่า หลังคนงานก่อสร้างจีนโปรเจกต์เหมืองและโครงการเขื่อนกระแสไฟฟ้าพลังน้ำซื้อความสุขจากสาวลาว พบสาวลาว 1 คนต้องรับแขกแรงงานจีนถึง 10 คน และไม่ยอมสวมถุงยางอนามัย
เรดิโอฟรีเอเชียของสหรัฐฯ รายงานวันพฤหัสบดี (20) ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวแสดงความวิตกถึงพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัยและขาดความรู้ว่าโรคเอดส์นั้นจะแพร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้อย่างไร
สาววัยรุ่นลาวกำลังติดเชื้อโรคเอดส์หลังขายบริการให้แรงงานจีนที่เข้าประเทศมาร่วมหลายพันคนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ในโครงการก่อสร้างเขื่อนกระแสไฟฟ้าพลังน้ำและเหมือง
แนวโน้มเคสติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นพบในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีพื้นที่ติดต่อระหว่างลาว-ไทย-พม่า ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำนี้เป็นแหล่งการพนันและการท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนแขวงบ่อแก้วที่สร้างชื่อในฐานะเป็นสวรรค์สำหรับแหล่งการกระทำผิดทั้งหลายรวมขึ้นชื่อในเรื่องการค้าประเวณี
“ลูกค้าของผู้หญิงเหล่านั้นเป็นชายชาวจีนที่มีพฤติกรรมมักไม่ชอบสวมถุงยางอนามัย” ผู้อำนวยการสมาพันธ์คนอยู่ร่วมกับ HIV/AIDS หรือ APLPlusLaos ให้สัมภาษณ์เรดิโอฟรีเอเชียวันอังคาร (18)
พร้อมเสริมว่า มีบางตัวอย่างพบว่า มีชาย 1 คนจ่ายเงินผู้หญิงลาวสำหรับบริการทางเพศ และจัดการให้เพื่อนร่วมงานชายของเขามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงลาวคนเดียวกันนี้
“คนเหล่านี้จะแบ่งผู้หญิงกับชาย 10 คน” ผู้อำนวยการเสริม และกล่าวต่อว่า “เป็นลักษณะการต่อคิว”
นอกเหนือจากนี้พบว่าเหมืองโปแตชขนาดใหญ่ในแขวงคำม่วนที่มีแรงงานจีนไม่กี่พันคนต่างเข้าหาสาวรุ่นในพื้นที่ซึ่งเสนอขายบริการทางเพศ แหล่งข่าวมากกว่า 1 คนเปิดเผยกับเรดิโอฟรีเอเชียปีที่แล้ว
อ้างอิงจากศูนย์เพื่อ HIV/AIDS (Laos’ Center for HIV/AIDS) พบว่าจำนวนคนติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2022
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวกล่าวว่า แต่ทว่าพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและการใช้ยาเสพติดแบบฉีดส่งผลทำให้ลาวตกอยู่ในความเสี่ยงการระบาดขยายตัว
อ้างอิงจากสื่อลาวไทม์สรายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ปีที่ผ่านมาว่า ลาวพบเคสป่วยติดเชื้อ HIV ใหม่ในปี 2024 ราว 1,896 เคสระหว่างมกราคมปี 2024-พฤศจิกายนปี 2024
โดยเสริมว่า เคสติดเชื้อเอดส์ใหม่ของปี 2023 เกิดขึ้นในกลุ่มอายุระหว่าง 15-24 ปี คิดเป็น 81% ของทั้งหมด