ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) ลงนามในคำสั่งฉบับหนึ่ง ที่มีเป้าหมายยุบกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นเป้าประสงค์มานานหลายทศวรรษของพวกฝ่ายขวาอเมริกันชน ที่ต้องการเห็นแต่ละรัฐบริหารงานโรงเรียน โดยปราศจากอิทธิพลของรัฐบาลกลาง
ท่ามกลางเด็กๆ ที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียน ในห้องอีสต์รูมของทำเนียบขาว ทรัมป์ ส่งยิ้มและชูคำสั่งดังกล่าวขึ้น หลังจากทำการลงนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ทรัมป์ กล่าวว่าคำสั่งนี้จะเป็น "การเริ่มต้นยุบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถาวร เรากำลังปิดตายกระทรวงแห่งนี้และจะปิดมันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กระทรวงแห่งนี้ทำได้ไม่ดีสำหรับเรา เรากำลังคืนการศึกษากลับสู่รัฐต่างๆ ที่คู่ควร"
กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาในปี 1979 ไม่อาจถูกปิดได้โดยปราศจากการเห็นชอบของสภาคองเกรส แต่คำสั่งบริหารของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีอำนาจสำหรับหยุดจัดสรรงบประมาณหล่อเลี้ยงกระทรวง และพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแห่งนี้
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่น่าตกตะลึงมากที่สุด ในความพยายามยกเครื่องรัฐบาล ที่ ทรัมป์ ดำเนินการภายใต้ความช่วยเหลือของ อีลอน มัสก์ และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ภายใต้การนำของมหาเศรษฐีรายนี้
สมาชิกพรรคเดโมแครตและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพากันออกมาประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าว ในนั้นรวมถึง ชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา เรียกมันว่าเป็น "การยึดอำนาจของเผด็จการ" และ เป็นหนึ่งการก้าวย่างที่ทำลายล้างและล้างผลาญที่สุดเท่าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการมา"
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน บรรดาสมาชิกรีพับลิกัน ในนั้นรวมถึง รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา และเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมในพิธีลงนามด้วย
ทรัมป์ ให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่ามีความจำเป็นเพื่อประหยัดเงิน และปรับปรุงมาตรฐานการศึกษาในสหรัฐฯ โดยชี้ว่าอเมริกากำลังล้าหลังยุโรปและจีนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นการศึกษาถือเป็นสมรภูมิในสงครามทางวัฒนธรรมของอเมริกามานานหลายทศวรรษ และพวกรีพับลิกันแสดงจุดยืนมาช้านานว่าต้องการแยกการควบคุมด้านการศึกษาออกจากรัฐบาลกลาง
คำสั่งบริหารของทรัมป์ บัญชาให้ ลินดา แม็คแมน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ "ใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นอำนวยความสะดวกการปิดกระทรวงศึกษาธิการและคืนอำนาจด้านการศึกษาไปยังรัฐต่างๆ" อ้างอิงร่างคำสั่งที่พบเห็นโดยเอเอฟพี
ทรัมป์ สัญญาระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่าจะกำจัดกระทรวงแห่งนี้ และมอบอำนาจแก่รัฐต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปในแบบเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิทธิการทำแท้ง
แม็คแมน อดีตซีอีโอของ เวิลด์ เรสต์ลิง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (บริษัทประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกีฬาเพื่อความบันเทิง ซึ่งมีธุรกิจกลักอยู่ที่การเป็นสมาคมมวยปล้ำอาชีพ) ได้รับการแต่งตั้งจาก ทรัมป์ เป็นผู้นำกระทวงศึกษาธิการ ความเคลื่อนไหวที่ถูกมองอย่างกว้างขวาง เป็นสัญญาณว่าเวลาของกระทรวงแห่งนี้เหลือน้อยลงทุกที
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวบอกก่อนหน้านี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่บางหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการจะยังคงอยู่ต่อไป เพื่อบริหารจัดการ "หน้าที่การงานสำคัญต่างๆ" ในนั้นรวมถึงเงินกู้ยืมและเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าบางส่วน ที่มอบแก่พวกนักเรียนนักศึกษาที่มีรายได้น้อย
"กระทรวงศึกษาจะเล็กลงกว่าทุกวันนี้เป็นอย่างมาก" แคโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนพิธีลงนาม ขณะที่ Heritage Foundation สถาบันฝ่ายขวา ที่พบเห็นแนวทางมากมายใน "Project 2025" ของพวกเขา ถูกนำไปใช้โดย ทรัมป์ แสดงความยินดีกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ "มันเป็นวันที่สวยงาม วันแห่งการยุบกระทรวงศึกษาธิการ" พวกเขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
ตามธรรมเนียมแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ มีบทบาทอย่างจำกัดในด้านการศึกษา ซึ่งเงินทุนสำหรับโรงเรียนระดับประถมและระดับมัธยม มีเพียงแค่ราว 13% ที่มาจากงบประมาณรัฐบาลกลาง โดยที่เหลือนั้นมาจากกองทุนของรัฐต่างๆ และชุมชนท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม เงินทุนของรัฐบาลกลางถือว่ามีค่ายิ่งสำหรับโรงเรียนต่างๆ ที่มีรายได้น้อยและบรรดานักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงเป็นต้องให้การคุ้มครองสิทธิพลเรือนแก่นักเรียนเหล่านั้น
ทรัมป์ และ มัสก์ มหาเศรษฐีที่ปรึกษาของเขา ได้ทำการรื้อถอนหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ ไปแล้วหลายหน่วยงาน ผลก็คือทำให้หน่วยงานเหล่านั้นสูญสิ้นศักยภาพในการทำหน้าที่ ด้วยการปรับลดโครงการต่างๆ และปลดเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวรื้อถอนแบบเดียวกันที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (United States Agency for International Development หรือ USAID) ถูกผู้พิพากษารายหนึ่งสั่งระงับในวันจันทร์ (17 มี.ค.) โดยชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะละเมิดรัฐธรรมนูญ
(ที่มา : เอเอฟพี)