เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ (Sir Keir Starmer) ล่าสุดขึ้นตรวจเยี่ยมเรือดำน้ำนิวเคลียร์อังกฤษ HMS Vanguard เป็นครั้งแรกหลังเพิ่งเสร็จสิ้นประจำการลาดตระเวนกลางทะเลที่ยาวนาน โชว์อำนาจทางการทหารอังกฤษข่มรัสเซีย ด้านระดับสูงทางการทหารอังกฤษยันลอนดอนไม่จำเป็นต้องขอไฟเขียวจากทำเนียบขาวก่อนยิงนุกปกป้องยุโรปหลังผู้นำอิตาลีเสนอ “อังกฤษ-ปารีส” จับมือขยายโล่ป้องกันนิวเคลียร์เพื่อป้องกันรัสเซียรุกรานทั้งทวีป
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) ว่า HMS Vanguard ก่อนกลับเข้าฝั่งได้ออกทะเลลาดตระเวนนานกว่า 200 วัน และเป็นหนึ่งในการลาดตระเวนที่ยาวนานที่สุดจากวิกฤตยูเครนโดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯ ของผู้นำคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นหันไปหารัสเซียเพิ่มส่งผลทำให้พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ เช่น อังกฤษที่ร่วมอยู่ในนาโตหันมาเริ่มแสดงแสนยานุภาพทางการทหารอีกครั้งท่ามกลางสงครามการค้าที่ดุเดือดระหว่างสหรัฐฯ และชาติต่างๆ
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ ขึ้นเรือรบดำน้ำนิวเคลียร์อังกฤษ HMS Vanguard และเป็นการเยือนครั้งแรกของสตาร์เมอร์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผู้นำก่อนหน้าที่ได้มีโอกาสขึ้นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ HMS Vanguard คืออดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมเรอน เมื่อปี 2013
HMS Vanguard เป็น 1 ใน 4 เสาหลักปราการเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลับสุดยอดของแดนผู้ดีที่จะส่งออกไปประจำการไกลกลางทะเลเพียงแค่ 1 ลำเท่านั้น และมีฉายาว่า “วันที่ 0” (Day Zero) มานานกว่า 10 ปี
ทั้งนี้ วิดีโอคลิปที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมอังกฤษแสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สตาร์เมอร์มองผ่านกล้อง 2 ตา โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ จอห์น เฮียลีย์ (John Healey) ร่วมอยู่ด้วย
อังกฤษกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงการป้องปรามทางนิวเคลียร์ครั้งใหม่ ได้แก่ ด้านเรือดำน้ำ มิสไซล์ และหัวรบ ที่คาดว่าลอนดอนอาจต้องเทกระเป๋า 30 พันล้านดอลลาร์ และพร้อมกับงบสำรองอีก 10 พันล้านดอลลาร์กลายเป็นโครงการอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารอังกฤษที่สำคัญที่สุดและแพงที่สุดเท่าที่เคยมา
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ที่เตรียมจะเดินทางไปเยือนที่ตั้งการผลิตทางอุตสาหกรรมของบริษัทผู้ผลิตยุทโธทางการทหารอังกฤษชื่อดัง BAE Systems บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากโบอิ้ง และอันดับหนึ่งของยุโรป
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงกองทัพราชนาวีอังกฤษเปิดเผยกับเดลีเอ็กซเพรสตามการรายงานในวันอังคาร (18) ว่า อังกฤษไม่จำเป็นต้องขออนุญาตสหรัฐฯ ก่อนเพื่อยิงนิวเคลียร์
แหล่งข่าวยืนยันว่า การป้องปรามทางนิวเคลียร์ของอังกฤษนั้นเป็นเอกเทศ 100% และไม่ได้ขึ้นกับนโยบายสหรัฐฯ และเสริมต่อว่า นี่เป็นปัจจัยสำคัญภายใต้ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี ที่เสนอให้อังกฤษและฝรั่งเศสจับมือร่วมกันขยายโล่ปราการป้องกันทางนิวเคลียร์ของทั้งสองไปยังยูเครนแทนที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปในภาคพื้นสมรภูมิ