บริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ ราว 150 แห่ง ยังคงเดินหน้าทำธุรกิจในรัสเซีย แม้วอชิงตันกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโกไปแล้วหลายต่อหลายรอบ จากการเปิดเผยของ คิริล ดมิทรีเยฟ ผู้แทนพิเศษด้านการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
แอปเปิล โคคา-โคลา ฟอร์ด ไมโครซอฟท์ ไอบีเอ็ม แมคโดนัลด์ และแบรนด์อเมริกาอื่นๆ อีกมากมาย ตัดสินใจถอนตัวออกจากรัสเซีย ตามหลังความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายระหว่างรัสเซียกับยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งกระตุ้นให้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานเป็นชุดๆ
อย่างไรก็ตาม มีหลายบริษัทเลือกที่จะปักหลักอยู่ในรัสเซียต่อไป และบางส่วนในนั้นดำเนินการภายใต้การรีแบรนด์ธุรกิจของตนเองเป็นกิจการของรัสเซีย
ในการให้สัมภาษณ์รอบนอกที่ประชุมสหภาพอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อวันอังคาร (18 มี.ค.) ดมิทรีเยฟ ยืนยันว่าบรรดาบริษัทอเมริกาเหล่านี้ "ต้องการอย่างที่สุด ที่จะเดินหน้าทำธุรกิจในรัสเซีย หอการค้าอเมริกาในรัสเซีย บ่งชี้ว่าปัจจุบันมีบริษัทสหรัฐฯ 150 แห่ง ที่ยังปรากฏตัวอยู่ในตลาดรัสเซีย" เขากล่าว
ดมิทรีเยฟ ซึ่งนั่งเก้าอี้ซีอีโอของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซียอีกหนึ่งตำแหน่ง บอกว่าในบรรดาบริษัทสหรัฐฯ มีอยู่ 75% ที่ยังคงทำธุรกิจในรัสเซียดังเช่นที่เคยทำมา เป็นเวลานานกว่า 25 ปี
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน โรเบิร์ต อากี ประธานหอการค้าสหรัฐฯ ในรัสเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกาผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานมอสโก อ้างว่าข้อจำกัดด้านการบิน การลงทุนและการธนาคาร รังแต่จะทำร้ายภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ อากี ยังแสดงความยินดีกับการพูดคุยทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียในประเด็นยูเครนและประเด็นอื่นๆ ซึ่งเริ่มขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ กลับสู่ทำเนียบขาว
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ดมิทรีเยฟ คาดการณ์ระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า "ภาคธุรกิจสหรัฐฯ สูญเสียเงินไปกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ จากการออกจากตลาดรัสเซีย" ตัวเลขนี้เท่ากับมูลค่าที่ทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียถูกอายัดในโลกตะวันตก ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครน
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทรัมป์ บ่งชี้เมื่อเดือนที่แล้ว ว่าบรรดาบริษัทสหรัฐฯ อาจหวนคืนสู่รัสเซีย หากว่ามอสโกและวอชิงตันสามารถหาทางออกความขัดแย้งยูเครนได้อย่างสันติ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)