รัฐบาลอิตาลีและสเปนออกมาประกาศชัดเจนวานนี้ (17 มี.ค.) ว่าทั้ง 2 ชาติยัง “ไม่พร้อมสนับสนุน” ข้อเสนอของสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะอัดฉีดความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนสูงสุด 40,000 ล้านยูโรในปีนี้
ข้อเสนอจาก คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู จะทำให้มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่อียูมอบแก่ยูเครนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากเดิมที่เคยให้ราวๆ 20,000 ล้านยูโรในปี 2024
เจ้าหน้าที่อียูอ้างถึงเหตุความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนยูเครนให้สามารถต้านทานกองทัพรัสเซียได้ต่อไป ท่ามกลางสัญญาณความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยุตินโยบายโดดเดี่ยวรัสเซีย และกดดันให้ทั้งมอสโกและเคียฟต้องหันหน้าเจรจายุติการสู้รบ
ทรัมป์ ระบุว่าตนจะพูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในวันนี้ (18) เพื่อหารือแนวทางในการยุติสงคราม
ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 27 ชาติอียูที่กรุงบรัสเซลส์วานนี้ (17) คัลลาส กล่าวว่าข้อเสนอของเธอ “ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองในวงกว้าง” และกำลังเข้าสู่กระบวนการหารือรายละเอียด
แหล่งข่าวนักการทูตยืนยันว่า ข้อเสนอนี้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างแข็งขันจากกลุ่มชาติยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลแถบยุโรปใต้ยังคงแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ซึ่งสะท้อนความแตกแยกระหว่างกลุ่มชาติยุโรปที่มีพรมแดนใกล้ชิดรัสเซียซึ่งพร้อมจ่ายอุดหนุนยูเครนมากกว่า กลับกลุ่มชาติยุโรปที่อยู่ไกลออกไปและไม่ค่อยเต็มใจที่จะเจียดเม็ดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจของตนเอง
เอสโตเนีย เดนมาร์ก และลิทัวเนีย เป็น 3 ชาติที่ยอมจ่ายมากกว่า 2% ของจีดีพีเพื่อช่วยเหลือเคียฟระหว่างเดือน ม.ค. ปี 2022 จนถึง ธ.ค. ปี 2024 ตามข้อมูลจากสถาบันคลังสมอง Kiel Institute for the World Economy ในขณะที่อิตาลี สโลวีเนีย สเปน โปรตุเกส กรีซ และไซปรัส อยู่ในกลุ่มชาติที่จ่ายน้อยไม่ถึง 0.5% ของจีดีพี ส่วนฮังการีซึ่งเป็นรัฐสมาชิกอียูที่มีนโยบายเป็นมิตรกับรัสเซียมากที่สุดจ่ายเงินอุดหนุนยูเครนต่ำสุดอยู่ในอันดับท้ายตาราง
ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น รัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลีและสเปนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 และ 4 ของยุโรปชี้ว่า “ยังเร็วเกินไป” ที่จะประกาศจุดยืนชัดเจน และแม้แต่ฝรั่งเศสก็ยังตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของแผนการอัดฉีดเม็ดเงิน 40,000 ล้านยูโรเช่นกัน ตามข้อมูลจากนักการทูต
อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี ระบุว่า ข้อเสนอนี้จำเป็นจะต้องมีการหารือในเชิงลึก และคำนึงถึงสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงด้วย
“เรากำลังรอผลการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน เพื่อดูว่าจะมีแนวทางคืบหน้าไปสูการหยุดยิงหรือไม่” ทาจานี กล่าว พร้อมเสริมว่าอิตาลีจำเป็นจะต้องหารายได้มาอุดหนุนการป้องกันประเทศของตนเองเช่นกัน
“มันเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่จะต้องหาวิธีจัดการ” เขาย้ำ
ด้าน โฮเซ มานูเอล อัลบาเรส รัฐมนตรีต่างประเทศสเปน กล่าวว่า “เราจะรอดูว่าการหารือได้ผลอย่างไร แต่เวลานี้ยังไม่มีการตัดสินใจ”
อัลบาเรส ยังระบุด้วยว่า สเปนรับปากมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนไปแล้ว 1,000 ล้านยูโรในปีนี้ และมาดริด “ไม่จำเป็นต้องรอฟังข้อเสนอของผู้แทนระดับสูง (คัลลาส)” ในการที่จะแสดงให้ยูเครนเห็นว่าสเปนเป็นมิตรที่พึ่งได้
แหล่งข่าวนักการทูตอียู 3 คนให้ข้อมูลว่า สโลวีเนียส่งสัญญาณว่าจะไม่คัดค้านแผนนี้ แต่ก็ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วม ขณะที่ฮังการีและสโลวาเกียไม่เคยมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่อียูชี้ว่าประเทศทั้งสองไม่น่าจะมีอำนาจขัดขวางข้อเสนอด้วย เนื่องจากเป็นการบริจาคโดยสมัครใจ
“เราจะไม่ยอมถูกดึงเข้าร่วมแผนนี้ และเงินภาษีของชาวฮังการีก็จะไม่ถูกนำไปใช้ซื้ออาวุธให้ยูเครน” ปีเตอร์ ซีจาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี โพสต์ข้อความบน X
ที่มา: รอยเตอร์