กองทัพอิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทั่วกาซาในวันนี้ (18 มี.ค.) หลังจากที่อิสราเอลและฮามาสยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะขยายข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. หรือไม่ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ยืนยันมีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 200 คน
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในหลายจุด รวมถึงทางตอนเหนือของกาซา กาซาซิตี และเดอีร์ อัล-บาลาห์ ข่านยูนิส และราฟาห์ซึ่งอยู่ทางใต้สุด โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยว่าผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นเด็ก
กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า การยิงถล่มครั้งนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่จำเป็น และจะยกระดับเกินกว่าปฏิบัติการทางอากาศด้วย
การโจมตีระลอกนี้ยังเกินขอบเขตไปกว่าการใช้โดรน ซึ่งที่ผ่านมากองทัพอิสราเอลอ้างว่าใช้เพื่อเจาะจงเป้าหมายบุคคลหรือกลุ่มติดอาวุธย่อยๆ
กลุ่มฮามาสออกมาประณามอิสราเอลว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และทำให้ชะตากรรมของตัวประกันอีก 59 คนในกาซาตกอยู่ในความไม่แน่นอน
สำนักงานของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลกล่าวหาฮามาสว่า “ปฏิเสธที่จะปล่อยตัวประกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” และยังไม่ยอมรับข้อเสนอจาก สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการตะวันออกกลางของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
“นับจากนี้ไป อิสราเอลจะโจมตีฮามาสด้วยพลังอำนาจทางทหารที่แข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม” ถ้อยแถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุ
ด้านโฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่า อิสราเอลได้มีการปรึกษาหารือกับสหรัฐฯ ก่อนที่จะโจมตีกาซา ซึ่งกองทัพยิวยืนยันว่าพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้บัญชาการระดับกลางและเจ้าหน้าที่ฮามาส รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้
“อิสราเอลได้ปรึกษาหารือกับรัฐบาล ทรัมป์ และทำเนียบขาวเกี่ยวกับการโจมตีในค่ำคืนนี้” แคโรไลน์ เลียวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Fox News
“อย่างที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้กล่าวไปอย่างชัดเจนแล้วว่า กลุ่มฮามาส กลุ่มฮูตี อิหร่าน และกลุ่มใดๆ ก็ตามที่พยายามข่มขู่คุกคามไม่เพียงอิสราเอลแต่รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย จะมีราคาที่ต้องจ่าย และนรกกำลังจะแตก”
ทีมเจรจาของอิสราเอลและฮามาสเคยเดินทางไปที่กรุงโดฮา ซึ่งคณะผู้ไกล่เกลี่ยจากอียิปต์และกาตาร์พยายามที่จะลดความเห็นต่างของทั้ง 2 ฝ่ายลงหลังสิ้นสุดระยะเวลาของข้อตกลงหยุดยิงเฟสแรก ซึ่งนำไปสู่การช่วยเหลือตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน และชาวไทย 5 คน แลกกับการปลดปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ราว 2,000 คน
ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อิสราเอลพยายามบีบให้ฮามาสส่งคืนตัวประกันที่ยังเหลืออีก 59 คนในกาซา เพื่อแลกกับข้อตกลงหยุดยิงระยะยาวไปจนกว่าจะสิ้นสุดเดือนรอมฎอน และเทศกาลปัสกา (Passover) ของชาวยิวในเดือน เม.ย.
อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสยืนกรานที่จะขอเดินหน้าไปสู่กระบวนการเจรจายุติสงครามแบบถาวรและให้อิสราเอลถอนกำลังทั้งหมดออกจากกาซา ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงฉบับดั้งเดิม
“เราขอเรียกร้องให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยเรียกร้องความรับผิดชอบจาก เนทันยาฮู และพวกไซออนิสต์ผู้ยึดครอง ฐานละเมิดและคว่ำข้อตกลงหยุดยิง” ฮามาสระบุในคำแถลง
ทั้ง 2 ฝ่ายต่างโทษกันไปมาว่าอีกฝ่ายไม่เคารพเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเดือน ม.ค. และแม้จะมีความขลุกขลักเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการสู้รบแบบเต็มขั้นมาได้โดยตลอดจนกระทั่งถึงวันนี้
อิสราเอลได้ปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา และยังเคยขู่มาแล้วหลายครั้งว่าจะรื้อฟื้นปฏิบัติการโจมตี หากฮามาสไม่ส่งคืนตัวประกันทั้งหมด
กองทัพอิสราเอลยังไม่ออกมาเปิดเผยรายละเอียดของการโจมตีที่เกิดขึ้นในช่วงกลางดึกวันนี้ (18) แต่หน่วยงานสาธารณสุขปาเลสไตน์และผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วกาซา ซึ่งประชาชนหลายแสนคนยังต้องอาศัยอยู่ตามค่ายพักชั่วคราวหรืออาคารที่พังเสียหาย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซาอยู่ในสภาพถูกทำลายย่อยยับจากผลของสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 15 เดือน นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสบุกเข้าไปโจมตีเมืองตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 และสังหารผู้คนที่นั่นไปราว 1,200 คน อีกทั้งยังจับตัวประกันทั้งชาวอิสราเอลและต่างชาติไปยังกาซาอีกกว่า 250 คน จนทำให้กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีแก้แค้นอย่างหนักหน่วง
ผลของการสู้รบได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วกว่า 48,000 คน และทำให้อาคารบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงระบบโรงพยาบาลในดินแดนแห่งนี้ถูกทำลายไปเกือบหมด
ที่มา : รอยเตอร์
