หลุยส์ เดอ กวินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มากกว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เสียอีก
ความเห็นของรองประธานอีซีบีรายนี้ เกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซันเดย์ไทม์ส ซึ่งระหว่างนั้น เขาคร่ำครวญว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรีดภาษี แผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบในระบบการเงิน ได้ก่อความผันผวนในตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนั้นทำได้ยาก
"เราจำเป็นต้องพิจารณาความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าแม้กระทั่งในช่วงระหว่างโรคระบาดใหญ่" รองประธานอีซีบีกล่าว "สิ่งที่เรากำลังมองเห็นก็คือ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดกว้างในการเดินหน้าด้วยนโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทั่วขอบเขตอำนาจ และหาทางออกร่วมกันในปัญหาร่วมใดๆ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ และเป็นบ่อเกิดครั้งใหญ่แห่งความไม่แน่นอน"
สืบเนื่องจากความกังวลว่าสิ่งที่ ทรัมป์ จะดำเนินการในลำดับถัดไป อาจก่อความเสียหายแก่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทาง กวินดอส จึงเชื่อว่าการลงทุนภาคธุรกิจและการบริโภคภาครัวเรือนจะยังคงไม่ดีขึ้น พร้อมกับกล่าวโทษแนวโน้มการเติบโตที่ลดลงของเศรษฐกิจยูโรโซน ไปที่การกระทำต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ
"มูลค่าที่แท้จริงของค่าจ้างเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อลดลง อัตราดอกเบี้ยกำลังลดลงและสภาพแวดล้อมทางการเงินดีขึ้น แต่ข้อเท็จจริงคือ การบริโภคยังคงไม่ฟื้นตัว" เขากล่าว
"นี่เป็นเพราะพวกผู้บริโภคไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเฉพาะกับสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับรายได้ส่วนบุคคลที่นำไปจับจ่ายใช้สอยได้จริงในระยะสั้นของพวกเขาเท่านั้น แต่พวกเขายังพิจารณาด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในระยะกลาง ซึ่งมันเต็มไปด้วยหมอกควันแห่งความไม่แน่นอน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าหรือการขยายวงของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค" เขากล่าว พร้อมให้คำจำกัดความสงครามการค้าว่า "เป็นสถานการณ์มีแต่แพ้ สำหรับทุกฝ่าย" รองประธานอีซีบีกล่าว
ทรัมป์ สั่งรีดภาษี 25% เหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากอียู มีผลบังคับใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเคยให้ข้อยกเว้นแต่มันหมดอายุไปแล้ว ส่วนบรัสเซลส์ประกาศจะแก้เผ็ด รับปากว่าจะดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่า "มาตรการตอบโต้อย่างทันทีทันใดและทัดเทียม"
คณะกรรมาธิการยุโรปประณามมาตรการรีดภาษีที่ก่อความปั่นป่วนและไม่ยุติธรรมของทรัมป์ พร้อมประกาศกำหนดมาตรการรีดภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าจากอเมริกา มูลค่า 26,000 ล้านยูโร เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)