ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ฝากข้อเรียกร้องไปถึงประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ให้ “ไว้ชีวิต” ทหารยูเครนที่ถูกผลักดันออกจากแคว้นคูสก์ (Kursk) ขณะที่ผู้นำรัสเซียก็รับปากว่าจะทำ หากว่าทหารเหล่านั้น “ยอมจำนน”
ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย หลังจากที่ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือกับ ปูติน อย่างยืดยาวเมื่อวันพฤหัสบดี (13) ที่กรุงมอสโก ซึ่ง ทรัมป์ ออกมาระบุว่าเป็นการเจรจาที่ “ได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก”
“มีโอกาสมากที่สงครามนองเลือดอันเลวร้ายนี้จะมาถึงจุดจบเสียที” ทรัมป์ กล่าว โดยหมายถึงข้อเสนอหยุดยิงจากสหรัฐฯ ที่ยูเครนตอบรับแล้วในสัปดาห์นี้ และยังอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายรัสเซีย
ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า กองทัพรัสเซียได้ทำการ “ปิดล้อมอย่างสมบูรณ์” ต่อทหารยูเครนหลายพันนายในแคว้นคูสก์ “ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากและเปราะบางอย่างยิ่ง”
“ผมได้เรียกร้องอย่างจริงจังไปยังประธานาธิบดี ปูติน ให้ไว้ชีวิตพวกเขา เพราะมันจะเป็นการสังหารหมู่ที่เลวร้ายมากชนิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขอพระเจ้าอวยพรพวกเขาทั้งหมด!!!” ทรัมป์ กล่าว
นักวิเคราะห์ด้านการทหารหลายคนประเมินว่า กองกำลังยูเครนที่บุกข้ามแดนไปยึดพื้นที่ในแคว้นคูสก์ของรัสเซียไว้ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. ปีที่แล้วกำลังถูกปิดล้อมเกือบทุกด้าน และสูญเสียฐานที่มั่นสุดท้ายในรัสเซียไปอย่างรวดเร็ว
ปูติน กล่าวหาทหารยูเครนว่าก่ออาชญากรรมต่อพลเรือนรัสเซียในแคว้นคูสก์ ซึ่งเคียฟปฏิเสธเสียงแข็ง ขณะเดียวกันประธานาธิบดีรัสเซียก็ย้ำว่า ตนเข้าใจคำขอของ ทรัมป์ ที่อยากให้คำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรมบ้าง
“ในประเด็นนี้ ผมขอย้ำว่าหาก (ทหารยูเครน) วางอาวุธและยอมจำนน พวกเขาจะได้รับการไว้ชีวิตและปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย” ปูติน กล่าว
ด้าน ดมิตรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียและอดีตผู้นำรัสเซีย โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า หากทหารยูเครน “ปฏิเสธที่จะวางอาวุธ พวกเขาจะถูกทำลายล้างอย่างเป็นระบบโดยไม่มีคำว่าปรานี”
อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนยังคงยืนยันว่าทหารของตน “ไม่ได้เผชิญความเสี่ยงถูกปิดล้อม” อย่างที่หลายฝ่ายอ้าง และพวกเขาได้ล่าถอยกลับสู่ฐานที่มั่นที่ปลอดภัยกว่าแล้ว
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวผ่านที่ประชุม G7 ที่แคนาดาว่า วิตคอฟฟ์ กำลังเดินทางจากมอสโกกลับสหรัฐฯ และอาจมีการหารือเพิ่มเติมเรื่องยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
“เรารู้สึกจริงๆ ว่า อย่างน้อยก็เรากำลังเข้าใกล้การยุติสงครามและฟื้นฟูสันติภาพมากขึ้นไปอีกขั้น ทว่าหนทางก็ยังอีกยาวไกล” รูบิโอ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
แคว้นคูสก์ได้กลายเป็นยุทธบริเวณสำคัญในสงครามรัสเซีย-ยูเครนมาตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว หลังจากที่ยูเครนพลิกเกมสงครามเป็นฝ่ายบุกเข้าไปยึดดินแดนของรัสเซียเอาไว้ โดยหวังใช้เป็นไพ่ต่อรองในการเจรจาสันติภาพ
ผ่านมาแล้ว 7 เดือน อนาคตของแคว้นคูสก์กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเมื่อกองทัพรัสเซียยกระดับปฏิบัติการขับไล่ทหารยูเครนออกไปจากดินแดนดังกล่าว ขณะที่สหรัฐฯ ก็เรียกร้องให้มอสโกรับข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติสงคราม
รัสเซียประกาศวานนี้ (14) ว่าสามารถยึดคืนหมู่บ้านในแคว้นคูสก์ได้เพิ่มอีก 1 แห่ง ทว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนยังยืนยันว่า สถานการณ์การสู้รบในภาพรวม “ยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยืนยันกับนักข่าวว่า ปฏิบัติการบุกยึดแคว้นคูสก์ของยูเครน “ประสบความสำเร็จ” ในการบีบให้รัสเซียต้องแบ่งกำลังพลบางส่วนออกไปป้องกันตนเอง และยอมรับว่า “เล็งเห็นโอกาส” ที่จะยุติสงครามได้ ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า ยูเครนและพันธมิตรยุโรปมี “ความเข้าใจตรงกันที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคง”
เซเลนสกี บอกด้วยว่า เขากำลังหารือกับชาติพันธมิตรเกี่ยวกับการค้ำประกันความมั่นคงและการสนับสนุนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่อยูเครน และเคียฟจะต้องมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้ผล 100% หากจะมีการทำข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น
ที่มา : รอยเตอร์