จีนและรัสเซียประกาศพร้อมยืนเคียงข้างอิหร่านวันนี้ (14 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ กดดันให้เตหะรานเข้าสู่กระบวนการเจรจานิวเคลียร์ โดยนักการทูตระดับสูงของจีนและรัสเซียชี้ว่า การเจรจาควรจะเกิดขึ้น “บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน” และสหรัฐฯ ควรยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดต่ออิหร่านด้วย
ถ้อยแถลงร่วมระหว่างทั้ง 3 ฝ่ายมีขึ้นภายหลังการเจรจาที่กรุงปักกิ่ง โดยทั้งจีนและรัสเซียแสดงความชื่นชมที่อิหร่านออกมายืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์มีวัตถุประสงค์ในทางสันติเท่านั้น ขณะที่มหาอำนาจทั้งสองยังย้ำว่า สิทธิของอิหร่านที่จะนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์เชิงสันติ “ต้องได้รับการเคารพอย่างเต็มที่”
ย้อนไปเมื่อปี 2015 รัฐบาลอิหร่านในขณะนั้นยินยอมที่จะจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ลงเพื่อแลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตรของนานาชาติ โดยเป็นไปตามข้อตกลงที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทว่าต่อมาในปี 2018 โดนัลด์ ทรัมป์ กลับนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้หลังเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เพียงปีเดียว
“จีน รัสเซีย และอิหร่าน” ขอเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจัดการกับต้นตอของปัญหาในปัจจุบัน และยกเลิกการคว่ำบาตร แรงกดดัน หรือการข่มขู่ใช้กำลัง” หม่า จาวซวี่ (Ma Zhaoxu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการหารือ
หม่า ระบุด้วยว่า จีน รัสเซีย และอิหร่านยังเน้นย้ำความจำเป็นที่จะต้องยุติการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ “ผิดกฎหมาย” ในทุกๆ รูปแบบ
การพูดคุยระหว่าง หม่า กับ เซียร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย และคาเซม คาริบาบาดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เตหะรานออกมาแสดงท่าทีเมินเฉยต่อ “คำสั่ง” ของสหรัฐฯ ที่ให้กลับมารื้อฟื้นเจรจานิวเคลียร์กันใหม่
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ กล่าวว่าเขาได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เพื่อยื่นข้อเสนอให้เปิดเจรจานิวเคลียร์ แถมยังขู่ด้วยว่า “อิหร่านมีทางเลือกแค่เพียง 2 ทางเท่านั้น คือใช้กำลังทหาร หรือจะยอมทำข้อตกลงกัน”
ประธานาธบดี มาซูด เปเซสเคียน แห่งอิหร่าน ออกมาแถลงโต้ผู้นำสหรัฐฯ โดยบอกว่าตนจะไม่เจรจากับสหรัฐฯ ในสภาพที่ถูก “ข่มขู่” และอิหร่านก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับ “คำสั่ง” ของอเมริกาด้วย
ที่มา : รอยเตอร์