xs
xsm
sm
md
lg

หวังอะไรได้แค่ไหนจากการเจรจาวาง‘กรอบโครงสันติภาพ’ ระหว่างยูเครนกับสหรัฐฯที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห๋นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


(ภาพจากแฟ้ม) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองเจดดาห์, ซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2023
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Ukraine says it wants to negotiate ‘peace framework’ in Riyadh
by Stephen Bryen
08/03/2025

ทรัมป์จำเป็นต้องได้แพคเกจสำหรับวางเอาไว้บนโต๊ะในเวลาเจรจากับรัสเซีย ทว่าหากได้ผลลัพธ์ในทางบวกออกมาจากการเจรจาที่ซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ ระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนกับคณะของสหรัฐฯ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องประหลาดอัศจรรย์กันเลยทีเดียว

ถ้าหากสหรัฐฯกับรัสเซียต้องการทำความตกลงกันในเรื่องยูเครน มันก็ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะได้รับความร่วมมือจาก โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แต่เรื่องนี้ยังห่างไกลจากความแน่นอน ผลลัพธ์อาจจะออกมาถึงขนาดที่ว่า ในที่สุดแล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถที่จะเจรจาต่อรองเพื่อทำความตกลงรอมชอมกันกับรัสเซียในเรื่องยูเครน และดังนั้นสงครามยูเครนก็จะดำเนินต่อไป

สหรัฐฯกับยูเครนจะได้พบปะเจรจากันเป็นหนแรกของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย [1] วันอังคาร (11 มี.ค.) นี้ เพื่อพยายามหารือต่อรองกันในรายละเอียดของ “กรอบโครงสันติภาพ” หากปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่สามารถยอมรับกันได้และทำงานกันต่อไปได้แล้ว มันก็จะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ มีอะไรที่เขาสามารถนำไปพูดจากับฝ่ายรัสเซีย แต่ถ้าไม่มีเรื่องไหนสำเร็จขึ้นมาเลย หรือว่า “กรอบสันติภาพ” ที่ออกมานั้นไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นจริงเลย ทรัมป์ก็จะตกอยู่ในสภาพกระเป๋าว่างเปล่า และจะประสบความยากลำบากในการเคลื่อนไหวเดินหน้าต่อไปในเรื่องยูเครนกับฝ่ายรัสเซีย
(หมายเหตุผู้แปล -ในข้อเขียนชิ้นนี้ ผู้เขียน (สตีเฟน ไบรเอน) ระบุว่าคณะเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯกับของยูเครนจะพบปะเจรจากันคราวนี้ที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย แต่เพิ่งมีรายงานข่าวยืนยันกันแน่นอนในเวลาต่อมาว่า จะจัดขึ้นที่เมืองเจดดาห์ เมืองท่าสำคัญของซาอุดีอาระเบีย ไม่ใช่ที่กรุงริยาด)

ในการเจรจาใดๆ ก็ตามที จุดยืนในตอนเริ่มเปิดการเจรจาคือจุดเริ่มต้นแห่งการทำข้อตกลงกัน มันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาหรอกสำหรับการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสามารถบงการให้มีการตกลงไปในทางใดๆ ก็ได้ตามใจชอบ

สิ่งที่เราทราบกันอยู่ในเวลานี้ก็คือว่า สหรัฐฯนั้นต้องการได้ข้อตกลงเกี่ยวกับยูเครนซึ่งจะทำให้สงครามคราวนี้สิ้นสุดลง ดูเหมือนว่าฝ่ายรัสเซียก็เห็นพ้องกับทัศนะมุมมองเช่นนี้ ถึงแม้พวกเขาดูยังมุ่งมั่นต้องการให้มีการทำข้อตกลงกันโดยเร็ว [2] อีกด้วย ไม่เช่นนั้นก็ไม่ตกลงอะไรกันเสียเลยดีกว่า

ฝ่ายรัสเซียยังคงสามารถที่จะดำเนินสงครามในยูเครนต่อไป โดยฉวยประโยชน์จากความได้เปรียบ ทั้งด้วยการที่กองทัพยูเครนกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ, ยุทธสัมภาระต่างๆ ซึ่งมาจากยุโรปอาจจะขาดแคลน [3], และความเสี่ยงที่คลังแสงของสหรัฐฯจะร่อยหรอถึงขนาดไม่อาจส่งอะไรเพิ่มเติมให้อีก [4] หรือเหลือแต่อาวุธซึ่งไม่มีความเหมาะสมสำหรับยูเครน

ยังมีปัจจัยในทางลบเพิ่มขึ้นมาอีกประการหนึ่งสำหรับสหรัฐฯอีกด้วย สืบเนื่องจากการใช้อาวุธอเมริกันในแนวหน้าที่ยูเครน เมื่อเวลาผ่านไปฝ่ายรัสเซียก็ได้เรียนรู้ถึงวิธีการในการสกัดกั้นอาวุธบางประเภทของสหรัฐฯ [5] เป็นต้นว่า ระบบจรวดหลายลำกล้องขนาดเบาติดตั้งบนรถบรรทุก “ไฮมาร์ส” (HIMARS ย่อมาจาก High Mobility Artillery Rocket System ระบบจรวดหลายลำกล้องยิงด้วยปืนใหญ่ซึ่งเคลื่อนที่ได้ด้วยความคล่องตัวสูง) และ ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีที่มีพิสัยยิงได้ไกลๆ “อะแทคคัมส์” (ATACMS ย่อมาจาก Army Tactical Missile System ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบก) พวกเขาจะแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาเหล่านี้กับทางจีนและทางอิหร่านหรือไม่? น่าจะเป็นไปได้

(ภาพจากแฟ้ม) ทหารสหรัฐฯ(ขวา) ตระเตรียมยิง เอ็ม 142 ระบบจรวดหลายลำกล้องยิงด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่ได้ด้วยความคล่องตัวสูง (M142 High Mobility Artillery Rocket System) หรือ ไฮมาร์ส (HIMARS)ระหว่างการซ้อมรบร่วมหลายชาติซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซิตูบอนโด จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2024
ยังมีข้อมูลข่าวสารที่ระบุว่า พวกข้อมูลข่าวสารระดับอ่อนไหวอย่างยิ่งยวดของระบบไฮมาร์ส และระบบอื่นๆ ได้ถูกขายให้แก่ฝ่ายจีน โดยนายสิบทหารบกสหรัฐฯที่เป็นทหารประจำการในกองทัพคนหนึ่ง [6] (ตัวเขาเองก็เป็นคนเชื้อจีน) เราไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ว่าข้อมูลข่าวสารซึ่งถูกขโมยไปขายนี้มีอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นข้อมูลข่าวสารที่กว้างขวางมากทีเดียว เนื่องจากฮาร์ดไดรฟ์ “ท็อปซีเคร็ต” ทั้งตัวถูกขโมยไป

จีนนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่า มีความสนใจในไฮมาร์ส เนื่องจากนาวิกโยธินสหรัฐฯนำเอาระบบจรวดหลายลำกล้องแบบนี้ไปติดตั้งอยู่บนเกาะโยนางูนิ (Yonaguni) [7] ของญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้ๆ กับไต้หวัน ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งขัดขวางกองกำลังยกพลขึ้นบกของจีนใดๆ ก็ตามที่จะเข้าโจมตีไต้หวัน ในทำนองเดียวกัน ไต้หวันยังกำลังเริ่มได้รับมอบไฮมาร์สของตนเองที่สั่งซื้อจากสหรัฐฯเสียที [8] ถึงแม้การจัดส่งเป็นไปอย่างล่าช้ามาระยะหนึ่งแล้ว (เรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงจากความสะเพร่าที่ส่งผลกระทบค่อนข้างสูง เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามของการรุกรานจากประเทศจีนที่กำลังค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ)

สถานการณ์เช่นนี้หมายความว่า สหรัฐฯกำลังต้องเผชิญหน้ากับจีนที่มีศักยภาพในทางก้าวร้าวรุกราน ซึ่งสามารถที่จะคุกคามไต้หวัน –เป็นไปได้ที่จะคุกคามกระทั่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพทรงความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรมองข้ามกันเลยสำหรับข้อเท็จจริงที่ว่า เกาะโอกินาวา ซึ่งมีฐานทัพนาวิกโยธินและฐานทัพอากาศสหรัฐฯตั้งอยู่นั้น เป็นดินแดนของญี่ปุ่น

(ภาพจากแฟ้ม) ภาพที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้นำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2022 แสดงให้เห็นการฝึกซ้อมยิงระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี อะแทคคัมส์ (ATACMS) ณ สถานที่ซึ่งไม่เปิดเผยทางชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้
เซเลนสกี เพิ่งค้นพบ (เรื่องนี้ต้องขอบคุณการที่สหรัฐฯประกาศงดจัดส่งอาวุธไปให้ยูเครน) ว่า มันเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาต้องวางเนื้อวางตัวให้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังให้ความสนับสนุนอย่างแข็งขันกับกรอบโครงเพื่อมุ่งไปสู่สันติภาพ ทว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องยืนยันไม่เลิกราว่ารัสเซียจะต้องถอนกำลังทหารแทบทั้งหมดของพวกเขาออกไปจากยูเครน นอกจากนั้นแล้วเขายังจะเรียกร้องต้องการการค้ำประกันความมั่นคงจากสหรัฐฯอีกด้วย โดยเขาเรียกมันว่าเป็น “ความเป็นหุ้นส่วนทางด้านมั่นคง” กับสหรัฐอเมริกา

แนวความคิดที่ฝ่ายอเมริกันพยายามผลักดัน ซึ่งระบุว่าข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯกับยูเครน สามารถเป็นสิ่งทดแทนสำหรับการค้ำประกันความมั่นคงได้อยู่แล้วนั้น ในจุดยืนและทัศนะของฝ่ายยูเครน อย่างเก่งที่สุดมันก็เป็นแค่เพียงคำรับรองที่อ่อนปวกเปียกซึ่งไม่สามารถพึ่งพาอาศัยอะไรได้ สิ่งที่ฝ่ายยูเครนต้องการคือกองทหารภาคพื้นดินของสหรัฐฯ แต่นี่เป็นบางสิ่งบางอย่างซี่งจนกระทั่งถึงบัดนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

เซเลนสกีกำลังพยายามโปรโมตป่าวร้องให้มีการจัดพบปะหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยที่นอกจากมีตัวเขาเข้าร่วมแล้ว ยังจะมีนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ จากสหราชอาณาจักร และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ในตอนนี้ดูเหมือนว่าวอชิงตันไม่เห็นด้วยเลยกับการพบปะลักษณะดังกล่าว และต้องการมากกว่าที่จะให้จัดการประชุมพวกผู้มีบทบาทสำคัญๆ กันในกรุงริยาด โดยที่ตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองไม่เข้าร่วมด้วย

รูปแบบการหารือเช่นนี้ย่อมเป็นบ่อนทำลายส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในแต้มต่อรองจริงๆ ที่ เซเลนสกี มีอยู่ ซึ่งก็คือการใช้ยุโรปและองค์การนาโต้มาคัดง้างกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขามองพลาดไปก็คือว่า การทำเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม โดยกลายเป็นการจุดชนวนระเบิดทำลายขว้างใส่นาโต้ ถ้าหากสหรัฐฯพบตัวเองว่าตกอยู่ในภาวะแปลกแยกอย่างลึกล้ำร้ายแรงกับเหล่าชาติพันธมิตรนาโต้ของตน ทั้งนี้ในเวลานี้ก็มีเสียงฮึ่มฮั่มไม่พอใจอย่างรุนแรงออกมาให้ได้ยินกันอยู่แล้ว ขณะที่คณะบริหารทรัมป์พยายามที่จะผ่องถ่ายภาระความรับผิดชอบของสหรัฐฯในนาโต้ [9]ไปให้แก่ยุโรป

พิจารณาจากสภาพความเป็นจริง ทรัพย์สินแท้จริงเพียงอย่างเดียวที่ เซเลนสกี มีอยู่ ก็คือการยืนหยัดต่อสู้ต่อไป และคอยคัดค้านขัดขวางหากจะต้องอ่อนข้อในเรื่องใหญ่ๆ ให้แก่รัสเซีย ในขณะที่เขาตีบทแตกและแสดงได้ดีมากในเวลารับมือจัดการกับฝ่ายยุโรป ทว่าสหรัฐฯกลับต่อต้านไม่ยอมแสดงความสนับสนุนยูเครน รวมทั้งยังผลักไสไม่ยอมรับข้อเสนอหลายหลากที่มาจากสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, รวมทั้งจากเยอรมนี—ถึงแม้ในขอบเขตที่เล็กลงมาก-- โดยที่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้โอนอ่อนให้อะไรซึ่งเอื้อประโยชน์แก่สถานการณ์ของยูเครนเลย

มันจะต้องเป็นเรื่องน่าประหลาดอัศจรรย์ทีเดียว ถ้าหากมีผลลัพธ์ในทางบวกอะไรออกมาจากกรุงริยาด เวลาเดียวกันวอชิงตันก็จะต้องระมัดระวังตื่นตัวกับข้อเท็จจริงที่ว่า บ่อยครั้งเซเลนสกีตกลงเห็นชอบกับอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่แล้วก็กลับทำไปในทางตรงกันข้าม ทว่าแม้กล่าวเช่นนี้แล้ว แต่ถึงอย่างไรประธานาธิบดีทรัมป์ก็จำเป็นต้องมีแพคเกจที่เขาสามารถนำไปวางแบบนโต๊ะในเวลาพูดจากับรัสเซียอยู่ดี การเจรจาต่อรองกับรัสเซียเหล่านั้นดูท่าคงตกอยู่ในสภาพชะงักงันไปเรื่อยๆ จนกว่าสหรัฐฯสามารถออกแรงทำให้ได้ข้อตกลงกับเซเลนสกี

ขณะเดียวกันนี้ รัสเซียก็ยังคงเดินหน้ากดดันกองทัพยูเครนโดยที่สามารถรุกคืบไปได้เรื่อยๆ ถ้าหากรัสเซียบีบคับให้กองทัพยูเครนยอมแพ้ได้ เกมนี้ก็เป็นอันสิ้นสุดลง ต่อจากนั้นมันก็เป็นปัญหาของรัสเซียแล้วที่จะต้องค้นหาวิธีการในการจัดการรับมือพวกประชากรซึ่งเต็มไปด้วยท่าทีที่เป็นศัตรู และโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในสภาพพังพินาศ

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา

เชิงอรรถ

[1] https://www.wsj.com/world/top-u-s-officials-to-meet-ukraine-counterparts-next-week-in-riyadh-059dc5f5
[2] https://news.sky.com/story/russia-wants-quick-peace-in-ukraine-and-london-is-head-of-those-resisting-it-ambassador-to-uk-tells-sky-news-13322750
[3] https://www.rt.com/news/613773-germany-no-weapons-for-kiev/
[4] https://www.usni.org/magazines/proceedings/2022/august/dangerous-depletion-us-weapon-arsenals
[5] https://www.reuters.com/world/europe/russia-intercepts-five-himars-jdam-bomb-37-drones-over-ukraine-last-24-hours-2023-10-01/
[6] https://www.foxnews.com/us/former-active-duty-army-soldiers-charged-scheme-allegedly-selling-sensitive-military-information-china
[7] https://weapons.substack.com/p/yonaguni-and-himars
[8] https://thedefensepost.com/2024/11/06/taiwan-receives-himars-us/
[9] https://www.nytimes.com/2025/03/07/world/europe/europe-self-defense-trump.html
กำลังโหลดความคิดเห็น