อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ในวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) ประณามในสิ่งที่เขาให้คำจำกัดความว่าเป็น "กลยุทธ์อันธพาล" หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่ใช้กำลังทหารกับเตหะราน
"พวกรัฐบาลอันธพาลบางชาติ ผมไม่รู้ว่าจะมีคำจำกัดความที่เหมาะสมกว่านี้ไหม สำหรับบุคคลและผู้นำต่างชาติบางคน มากไปกว่าคำว่าคนอันธพาล ยืนกรานว่าต้องมีการเจรจา" คอเมเนอี บอกกับพวกเจ้าหน้าที่หลังทรัมป์ขู่ใช้ปฏิบัติการทางทหาร หากว่าอิหร่านไม่ยอมเจรจาเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์ของพวกเขา "การเจรจาของพวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายแก้ปัญหา แต่พวกเขามีเป้าหมายแสดงอำนาจเหนือกว่า"
เมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) ทรัมป์ เผยว่าเขาเขียนจดหมายถึงผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เรียกร้องการเจรจารอบใหม่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน แต่ขณะเดียวกันก็เตือนถึงความเป็นไปได้ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารหากว่าอิหร่านปฏิเสธ
อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศ บอกว่าจนถึงวันเสาร์ (8 มีค.) อิหร่านยังไม่ได้รับจดหมายใดๆ มาจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ "เราได้ยินเกี่ยวกับจดหมาย แต่เรายังไม่ได้รับใดๆ" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ หลังจากก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (7 มี.ค.) เขากล่าวกับเอเอฟพีว่า อิหร่านจะไม่เจรจาภายใต้ยุทธศาสตร์ "แรงกดดันสูงสุด"
คอเมเนอี กล่าวหาพวกมหาอำนาจอันธพาล จงใจกำหนดเงื่อนไขใหม่ๆ ที่ไม่คาดหมายว่าอิหร่านจะทำตามได้ "พวกเขากำหนดเงื่อนไขใหม่ๆ ที่พวกเขาคิดว่าอิหร่านจะไม่มีทางทำตามได้อย่างแน่นอน" ผู้นำสูงสุดอิหร่านระบุ โดยไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐฯ หรือพาดพิงเกี่ยวกับความคิดเห็นของทรัมป์
ยุทธศาสตร์ "เพิ่มแรงกดดันขั้นสูงสุด" ถูกคืนชีพขึ้นมาอกรอบ ครั้งที่ ทรัมป์ กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม มันเป็นนโยบายที่พบเห็นเขากำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางเล่นงานเตหะรานครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก หลังจากถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการที่เรียกว่า ข้อตกลงร่วมว่าด้วยแผนปฏิบัติการครอบคลุม (The Joint Comprehensive Plan of Action: JCPOA)
ข้อตกลงร่วมว่าด้วยแผนปฏิบัติการครอบคลุม ที่เห็นพ้องกันระหว่างอิหร่านกับบรรดาชาติมหาอำนาจในปี 2015 เป็นข้อตกลงที่ปลดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานอิหร่าน แลกกับการกำหนดข้อจำกัดต่างๆ กับกิจกรรมทางนิวเคลียร์ของเตหะราน
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อิหร่านง่วนอยู่กับความพยายามทางการทูตกับบรรดาชาติมหาอำนาจยุโรปที่เป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลง ได้แก่สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยมีเป้าหมายคลี่คลายประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของเตหะราน
อย่างไรก็ตาม ในวันเสาร์ (8 มี.ค.) คอเมเนอี ตำหนิทั้ง 3 รัฐบาล ต่อกรณีที่ประกาศว่าอิหร่านไม่ทำตามคำมั่นสัญญาทางนิวเคลียร์ภายใต้ข้อตกลง JCPOA "คุณบอกว่าอิหร่านไม่ทำตามคำสัญญาภายใต้ JCPOA โอเค แล้วพวกคุณทำตามคำมั่นสัญญาภายใต้ JCPOA งั้นหรือ" เขาตั้งคำถาม
คอเมเนอี เท้าความว่า เตหะราน เคยยึดถือเงื่อนไขต่างๆ ของ JCPOA ตลอดทั้งปี แม้หลังจาก ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงในปี 2018 ก่อนจะค่อยๆ ถอนคำมั่นสัญญาต่างๆ ของตนเองเช่นกัน เขายืนยันว่า "ไม่มีทางเลือกอื่นๆ" ตามหลังรัฐสภาอิหร่านผ่านร่างกฎหมาย
นับตั้งแต่นั้น อิหร่าน ยกระดับเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เหนือกว่าขีดจำกัดที่กำหนดไว้ภายใต้ข้อตกลง JCPOA เป็นอย่างมาก เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดการณ์ว่า อิหร่าน สามารถใช้มันผลิตอาวุธนิวเคลียร์ภายในไม่กี่สัปดาห์ หากเลือกที่จะทำเช่นนั้น
อิหร่าน ยืนกรานมาตลอดว่าไม่ได้แสวงหาคลังแสงนิวเคลียร์ และมันเป็นโครงการเพื่อสันติ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่มักอ้างอิงกฤษฎีกาทางศาสนาฉบับหนึ่งที่ออกโดยคอเมเนอี ที่ห้ามพัฒนาอาวุธดังกล่าว
(ที่มา : เอเอฟพี)