ทหารยูเครนหลายพันนายที่บุกเข้าไปยึดดินแดนแคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซียเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วกำลังตกที่นั่งลำบาก โดยถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมเอาไว้เกือบจะทุกด้านแล้ว กลายเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ของเคียฟที่หวังจะยึดดินแดนส่วนนี้เอาไว้เป็นไพ่ต่อรองกับรัสเซียในการเจรจาสันติภาพ
ข้อมูลจากแผนที่โอเพ่นซอร์สชี้ว่า สถานการณ์ของยูเครนในแคว้นคูสก์กำลังย่ำแย่หนักในช่วง 3 วันที่ผ่านมา หลังกองทัพรัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีโต้กลับจนสามารถยึดดินแดนคืน และหั่นกองกำลังยูเครนออกเป็น 2 ฝั่ง นอกจากนี้ ยังตัดกองกำลังหลักออกจากเส้นทางลำเลียงได้สำเร็จด้วย
แผนที่โอเพ่นซอร์สจาก Deep State ซึ่งเป็นบล็อกด้านการทหารของยูเครนเผยให้เห็นวานนี้ (8 มี.ค.) ว่า กองกำลังยูเครนในรัสเซียประมาณ 2 ใน 3 ถูกทหารหมีขาวโอบล้อมไว้เกือบทั้งหมด และยังมีส่วนที่เชื่อมต่อกับทหารส่วนที่เหลือตรงจุดใกล้ๆ ชายแดนรัสเซียผ่านระเบียงทางบกยาว 1 กิโลเมตร กว้าง 500 เมตร ซึ่งกองทัพรัสเซียก็กำลังพยายามที่จะตัดขาดเส้นทางดังกล่าวด้วย
ความเพลี่ยงพล้ำนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรองแก่เคียฟ ซึ่งอาจส่งผลให้ทหารยูเครนในแคว้นคูสก์ต้องจำยอมล่าถอยอย่างยากลำบากและน่าอับอาย หรือแม้กระทั่งอาจถูกจับกุมและถูกสังหาร
รัฐบาลยูเครนเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้ต้องยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจาหยุดยิงกับรัสเซีย ในขณะที่ทหารมอสโกยังคงรุกคืบยึดดินแดนแนวหน้าของยูเครนอย่างต่อเนื่อง
“สถานการณ์ (สำหรับยูเครนในแคว้นคูสก์) ถือว่าย่ำแย่มาก” พาซี พารอยเนน นักวิเคราะห์ด้านการทหารจาก Black Bird Group ในฟินแลนด์ บอกกับรอยเตอร์
“ตอนนี้แค่รอเวลาว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะถูกปิดล้อมหรือถูกบีบให้ล่าถอยออกไป และการล่าถอยย่อมหมายถึงการเดินเข้าไปสู่อันตรายใหญ่หลวง เพราะจะต้องถูกฝูงโดรนและปืนใหญ่รัสเซียเล่นงาน” พารอยเนน ระบุ
“หากกองกำลังยูเครนไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายถูกปิดล้อม”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียและกองทัพยูเครนยังไม่ออกมาแถลงข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นคูสก์ ซึ่งโดยปกติแล้วทั้ง 2 ฝ่ายจะรายงานทันทีหากเกิดความเปลี่ยนแปลงในสนามรบ
ปฏิบัติการบุกข้ามแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ของยูเครนเมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นการโจมตีดินแดนรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กองทัพนาซีรุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 และมีเป้าหมายเพื่อให้พลเรือนรัสเซียรับรู้ถึงพิษภัยของสงครามอย่างแท้จริง หลังจากที่ทำเนียบเครมลินพยายามปกป้องประชาชนของตนเองจากผลกระทบของสงครามภายในยูเครนมาโดยตลอด
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุว่า การบุกแคว้นคูสก์ยังมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันให้กับทหารที่ปกป้องดินแดนยูเครนในฝั่งตะวันออก โดยทำให้รัสเซียต้องกระจายทรัพยากรบางส่วนไปปกป้องแคว้นคูสก์ และอาจจะเป็นเครื่องมือต่อรองที่ดีสำหรับยูเครนหากต้องมีการเจรจาสันติภาพในอนาคต
การถูกยูเครดยึดแคว้นคูสก์ไปได้บางส่วนนี้สร้างความอับอายไม่น้อยต่อมอสโก และก่อให้เกิดคำถามว่าเหตุใดกองทัพรัสเซียที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจึงไม่มีปัญญาแม้แต่จะปกป้องชายแดนตัวเอง ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวย้ำหลายครั้งว่ากองทัพรัสเซียจะฟื้นฟูการควบคุมแคว้นคูสก์ได้ในที่สุด พร้อมปฏิเสธไม่ยอมให้นำดินแดนส่วนนี้เข้าไปเป็นเงื่อนไขในการเจรจากับยูเครน
ที่มา : รอยเตอร์