รอยเตอร์/เอเอฟพี - แหล่งข่าววงในเปิดเผยรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนจะเพิกถอนสถานะทางการชั่วคราวของผู้ลี้ภัยยูเครนราว 240,000 คนที่หนีภัยสงครามเข้าสู่อเมริกา หลังศึกวิวาทะในทำเนียบขาวระหว่างทรัมป์และผู้นำยูเครน และเพนตากอนเลิกป้อนข่าวกรองลับทางการทหารกับเคียฟ กลายเป็นฝันร้ายล่าสุดของยูเครน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (6 มี.ค.) ว่า แหล่งข่าว 3 คนเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวางแผนเพิกถอนสถานะทางการผู้ลี้ภัยยูเครนราว 240,000 คน ก่อนคนเหล่านี้จะถูกเนรเทศส่งตัวออกนอกอเมริกาแบบเร่งด่วน
เป็นความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนเมษายนที่จะถึง และกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ 360 องศาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนหน้าในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ให้การต้อนรับผู้ลี้ภัยยูเครนหนีการสู้รบเหล่านี้
รอยเตอร์รายงานแผนการยกเลิกการปกป้องผู้ลี้ภัยยูเครนเกิดขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะปะทะคารมกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กลางทำเนียบขาวต่อหน้าทีวีวันศุกร์ (28 ก.พ.) แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนในวงกว้างของทรัมป์ในความพยายามถอดสถานะอย่างถูกกฎหมายของผู้อพยพกว่า 1.8 ล้านคนที่เดินทางเข้าสู่อเมริกาภายใต้โครงการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวที่เกิดขึ้นสมัยไบเดน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันเปิดเผย
คำสั่งท่างบริหารของทรัมป์ในวันพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ออกคำสั่งไปยังกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ DHS ให้ยกเลิกโครงการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทั้งหมด
ฝ่ายบริหารวางแผนต้องการถอดถอนสถานการณ์อาศัยอยู่ชั่วคราวของผู้ลี้ภัย 530,000 คนจากคิวบา เฮติ นิการากัว และเวเนซุเอลาโดยเร็วที่สุดที่คาดว่าจะเป็นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ทรัมป์และหนึ่งในแหล่งข่าวที่รู้ในเรื่องนี้กล่าว ซึ่งการเพิกถอนสถานภาพนี้ถูกรายงานครั้งแรกโดย CBS News ของสหรัฐฯ
โครงการให้สถานภาพผู้ลี้ภัยภายใต้รัฐบาลไบเดนเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างเพื่อหยุดการเข้าเมืองผิดกฎหมายและเป็นการบรรเทาทุกข์ทางมนุษยธรรม
นอกเหนือจากผู้อพยพชาวยูเครน 240,000 คนที่ลี้ภัยการสู้รบจากรัสเซียแล้ว ยังมีผู้อพยพอีก 530,000 คนจากคิวบา เฮติ นิการากัว และเวเนซุเอลา รวมไปถึงชาวอัฟกันอีก 70,000 คนที่เดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ หลังตอลิบานกลับเข้ายึดครองอัฟกานิสถานอีกครั้งหลังกำลังทหารอเมริกันและนาโตถอนกำลังกลับออกไปทั้งหมด
และการอพยพเข้าร่วมอีก 1 ล้านคนมีกำหนดข้ามพรมแดนอย่างถูกกฎหมายผ่านแอป CBP One
รอยเตอร์รายงานว่า มีอีกหลายพันคนได้เข้าสู่สหรัฐฯ ในโครงการอื่นๆ รวมถึงโครงการครอบครัวพบหน้าสำหรับบางกลุ่มในละตินอเมริกาและแคริบเบียน
อย่างไรก็ตาม ในสมัยที่ยังหาเสียง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศจะยกเลิกโครงการเหล่านี้โดยชี้ว่าอยู่นอกเหนือขอบเขตกฎหมายสหรัฐฯ
เกิดขึ้นหลังตามการรายงานของเอเอฟพี จอห์น แรตคลิฟ (John Ratcliffe) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้สั่งระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว