ศาลในเยอรมนีตัดสินเมื่อวันพุธ (5 มี.ค.) ว่าไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ และไบออนเทค บริษัทเยอรมนี ละเมิดสิทธิบัตรของโมเดอร์นา ในการใช้เทคโนโลยี mRNA พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19
ศาลในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ระบุว่าไบออนเทค และไฟเซอร์ จำเป็นต้องให้ตัวเลขประมาณการว่าพวกเขาโกยรายได้มากแค่ไหนจากการละเมิดสิทธิบัตรนี้และจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสม ให้โมเดอร์นา บริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯ ผู้ยื่นฟ้องคดี
เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 โมเดอร์นา ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ และศาลในเมืองดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนี โดยคำฟ้องระบุว่า ไฟเซอร์และไบออนเทค ได้ลอกเลียนเทคโนโลยีที่โมเดอร์นาได้พัฒนาขึ้นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
"เราได้ทำการยื่นฟ้องเพื่อปกป้องนวัตกรรมของเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเราเป็นผู้บุกเบิก โดยเราได้ลงทุนเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการสร้าง และจดสิทธิบัตรในช่วง 1 ทศวรรษก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19" สเตเฟน แบนเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโมเดอร์นาระบุในถ้อยแถลง
ไฟเซอร์และไบออนเทค ไม่ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี mRNA ที่ถือครองสิทธิบัตรโดยโมเดอร์นา สำหรับพัฒนาวัคซีนโควิด-19 Comirnaty ของพวกเขา แต่โต้แย้งว่าในเอกสารประชาสัมพันธ์ของโมเดอร์นาในปี 2020 อนุญาตให้พวกเขาดำเนินการเช่นนั้น ก่อนที่คำอนุญาตจะถูกยกเลิกไปหลังจากองค์การอนามัยโลกประกาศว่าโรคระบาดใหญ่สิ้นสุดลงแล้วในปี 2023
อย่างไรก็ตาม โมเดอร์นา ได้หักล้างว่าบริษัทได้เพิกถอนการอนุญาตไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ในเอกสารประชาสัมพันธ์อีกฉบับ
ในปี 2020 วัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทค กลายเป็นวัคซีน mRNA ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติใช้อย่างกว้างขวาง
วัคซีน mRNA ต่างจากวัคซีนดั้งเดิม เพราะมีการบรรจุสารพันธุกรรมที่จะออกคำสั่งให้เซลล์ของร่างกายผลิตโปรตีนตามรหัสคำสั่งนั้นๆ เพื่อเล่นงานไวรัสเป้าหมาย ขณะที่วัคซีนดั้งเดิมจะใช้ไวรัสที่ตายแล้วเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาสู้กับไวรัส
ทั้งนี้ ขั้นตอนการผลิตวัคซีน mRNA ไม่ต้องมีการเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัสในห้องแล็บ จึงสามารถผลิตได้ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็วกว่าวัคซีนแบบดั้งเดิม
(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซี)