xs
xsm
sm
md
lg

งานหยาบแล้วเซเลนสกี! ขีปนาวุธล้ำสมัยของยูเครนถูกปิดตาย หลัง US ระงับแบ่งปันข่าวกรอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก  U.S. Army.
ขีปนาวุธทรงพลานุภาพที่สุดของยูเครนถูกแช่แข็งในวันพุธ (5 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ ระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองและเรียกร้องเจรจารอบใหม่กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี สถานการณ์ที่เสี่ยงก่อความอ่อนแอแก่เคียฟ ที่กำลังพยายามต้านทานการรุกรานของรัสเซีย

ข้อมูลเกี่ยวกับเจตนาและความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซีย มีความสำคัญยิ่งต่อการป้องกันตนเองของยูเครน และบ่งชี้ถึงแรงสนับสนุนที่เข้มแข็งจากสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ การหยุดแบ่งปันข่าวกรองนี้มีขึ้นตามหลัง ทรัมป์ ระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่ยูเครน และเป็นอีกหนึ่งสัญญาณแสดงเห็นว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดไปในทิศทางอื่น

ไมค์ วอลท์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติระบุในวันพุธ (5 มี.ค.) "เรากำลังก้าวถอยออกมา กำลังระงับและทบทวนทุกแง่มุมในความสัมพันธ์นี้"

ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของทรัมป์ บ่งชี้ว่าการตัดสินใจระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง เป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย และเน้นย้ำว่ากระแสข่าวกรองอาจเริ่มไหลป้อนสู่ยูเครนอีกครั้งเร็วๆ นี้ หากตกลงกันได้

จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว

"ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว พร้อมระบุว่า ทรัมป์ ต้องการเห็นว่า เซเลนสกี นั้นมีความจริงจังกับสันติภาพ "ในด้านการทหารและด้านการข่าว การระงับดังกล่าวจะช่วยให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหายไป และผมคิดว่าเราจะสามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับยูเครน เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมา"

รายงานข่าวของเอพีและเอบีซีนิวส์ ระบุว่าความช่วยเหลือด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ นั้นมีความสำคัญมากสำหรับยูเครน ในการติดตามความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียและการเลือกเป้าหมาย ทั้งนี้ ยูเครน จะใช้ข้อมูลดังกล่าวครั้งที่ใช้งานระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรสูง (High Mobility Artillery Rocket System - HIMARS) ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ และระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบก (ATACMS)

ข่าวกรองจากสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆ ยังช่วยยูเครนในการเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีของรัสเซีย และการมอบข้อมูลสำคัญๆ ในวันแรกๆ ของสงคราม ได้ช่วยให้ยูเครนสกัดความหวังของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการคว้าชัยอย่างรวดเร็ว

วอลท์ซ บอกว่าสหรัฐฯ กลับมาแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนในเร็ววัน หากว่า เซเลนสกี แสดงให้ ทรัมป์ เห็นว่าเขาจริงจังกับการมีส่วนร่วมในการเจรจาตามเงื่อนไขของทรัมป์

"ผมคิดว่าถ้าเราสามารถมีแผนที่ชัดเจนในการเจรจานี้ และเดินหน้าการเจรจาด้วยการใส่มาตรการเสริมสร้างความมั่นใจบางอย่างไปบนโต๊ะเจรจา เมื่อนั้นท่านประธานาธิบดีจะสามารถมองอย่างจริงจังเกี่ยวกับการยกเลิกการระงับแบ่งปันข้อมูล" เขากล่าว "เราจำเป็นต้องรู้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีความจริงใจที่จะเจรจาเพื่อมุ่งหน้าสู่สันติภาพบางส่วน จากนั้นก็สู่สันติภาพอย่างถาวร"

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ สร้างความตกอกตกใจแก่บรรดาผู้นำในยุโรป รวมถึงฝ่ายเดโมแครตในวอชิงตัน ที่บอกว่า ทรัมป์ กำลังลิดรอนความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ยูเครน สำหรับสู้รบกับรัสเซีย

"กระแสข้อมูลข่าวกรองที่ป้อนแก่ยูเครนช่วยปกป้องชีวิต" จิม ไฮมส์ ส.ส.จากพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาคองเกรส กล่าวในวันพุธ (5 มี.ค.) "ความคิดนี้เท่ากับว่า เรากำลังระงับข่าวกรองที่ช่วยปกป้องชีวิตจากการเข้าถึงของยูเครน ผู้ซึ่งกำลังสู้รบ และการตายเช่นนี้ไม่อาจให้อภัยได้"

พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างประเทศของพวกเขากับวอชิงตัน ในขณะที่ซีไอเอก็ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อการระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองนี้เช่นกัน

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างยูเครนกับมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ หรือไม่ ในนั้นรวมถึง 4 ชาติใน Five Eyes พันธมิตรข่าวกรองที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ แคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

โฆษกของเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐฯ กับยูเครน โดยเพียงแต่บอกว่า "สหราชอาณาจักรจะทำทุกๆ อย่างเพื่อให้ยูเครนอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งที่สุดในทุกแง่มุมการสนับสนุนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการป้องกันตนเองและความมั่นคง และจุดยืนของเราไม่เคยเปลี่ยน"

(ที่มา : เอพี/เอบีซีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น