ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้คำมั่นวานนี้ (4 มี.ค.) ว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตามหลังเหตุวิวาทะที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า "เป็นเรื่องน่าเสียใจ" ขณะที่การทำข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้ไปต่อหรือไม่
แหล่งข่าว 4 คนให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาล ทรัมป์ และยูเครนมีแผนที่จะลงนามสัญญาเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแหล่งทรัพยากรแร่อันรุ่มรวยของเคียฟ เพื่อแลกกับการมอบความช่วยเหลือทางทหารต่อไป
อย่างไรก็ตาม สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Fox News วานนี้ (4) ว่า "ไม่มีแผนการลงนามแต่อย่างใด" ตามข้อมูลที่ผู้สื่อข่าว Fox รายหนึ่งโพสต์ผ่าน X
ทำเนียบขาว ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนที่กรุงเคียฟ รวมถึงสถานทูตยูเครนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร (4) เซเลนสกี ได้ออกมาพูดว่าเขาต้องการ "แก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง" และพร้อมจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯ "ทุกเวลาและในทุกรูปแบบที่สะดวก" หลังจากที่ทะเลาะกับ ทรัมป์ จนแผนการลงนามล่มไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ท่าทีอ่อนข้อของผู้นำยูเครนมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่ ทรัมป์ สั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน ซึ่งถือเป็นการพลิกนโยบายครั้งสำคัญของสหรัฐฯ และยังเป็นการส่งสัญญาณเข้าข้างรัสเซียมากขึ้นไปอีก
"พวกเราทุกคนไม่มีใครต้องการสงครามที่ไม่จบไม่สิ้น ยูเครนพร้อมจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาให้เร็วที่สุด ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากไปกว่าชาวยูเครน" เซเลนสกี โพสต์ข้อความผ่าน X
"ทีมงานของผมพร้อมที่จะทำงานภายใต้ภาวะผู้นำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดี ทรัมป์ เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืน"
ถ้อยแถลงนี้เห็นได้ชัดว่า เซเลนสกี ตั้งใจเน้นย้ำว่าเคียฟซาบซึ้งในบุญคุณของสหรัฐฯ หลังจากที่เคยถูกรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ตำหนิที่ทำเนียบขาวว่า เซเลนสกี ไม่สำนึกขอบคุณอเมริกามากพอ
"เราตระหนักดีว่าอเมริกาทำมากแค่ไหนเพื่อช่วยให้ยูเครนสามารถคงไว้ซึ่งอธิปไตยและเอกราช" เซเลนสกี กล่าว "การพบปะของเราที่วอชิงตัน... ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าเสียใจที่มันเป็นไปเช่นนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง"
ผู้นำยูเครนยังให้กรอบกว้างๆ ที่จะนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งเขาระบุว่าควรจะเริ่มจากการปลดปล่อยนักโทษ และยุติการโจมตีทั้งทางอากาศและทางทะเล หากว่ารัสเซียยอมกระทำแบบเดียวกัน
"หลังจากนั้นเราก็จะก้าวอย่างรวดเร็วสู่ขั้นตอนต่อๆ ไป และจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงสุดท้ายที่เข้มแข็ง" เซเลนสกี ระบุ
นายกรัฐมนตรี เดนิส ชไมฮาล แห่งยูเครน ระบุว่า กองทัพยูเครนยังคงสามารถต้านทานรัสเซียไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่เคียฟก็จะพยายามทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อแสวงหาความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป
"เราจะยังคงทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ผ่านทุกๆ ช่องทางอย่างใจเย็น" ชไมฮาล กล่าว "เรามีแผนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือต้องชนะและอยู่รอด"
ด้านทำเนียบเครมลินชี้ว่า การที่สหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนถือเป็นย่างก้าวที่ดีที่สุดที่จะนำไปสู่สันติภาพ ทว่ารัสเซียยังคงรอดูการยืนยันท่าทีของทรัมป์
สมาชิกพรรคเดโมแครตต่างออกมาโวยวายที่รัฐบาล ทรัมป์ พลิกจุดยืนไปเข้าข้างรัสเซีย ซึ่งถือเป็นความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายชั่วอายุคนสำหรับสหรัฐฯ ซึ่งตั้งแต่ทศวรรษ 1940 เป็นต้นมารัฐบาลไม่ว่าจะสายเดโมแครตหรือรีพับลิกันล้วนยึดถือนโยบายปกป้องคุ้มกันยุโรปจากการรุกรานของมอสโก
ทั้งนี้ คาดว่า ทรัมป์ จะชี้แจงแนวทางยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนเพิ่มเติมระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสครั้งแรกในช่วงเย็นวันอังคาร (4)
ที่มา : รอยเตอร์