เกิดข่าวลือแพร่สะพัดบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า สหรัฐฯ ปฏิเสธคืนทองคำที่จีนฝากไว้ คำกล่าวอ้างที่ก่อความตื่นตระหนกและประเด็นถกเถียงในวงกว้าง จนกระทั่งกระตุ้นให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตอบโต้ข่าวลือดังกล่าว
บัญชี Fact Protocol ซึ่งอ้างตนว่าเป็นระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อสู้กับข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลและให้ข้อมูลผิดๆ โพสต์ข้อความบนแฟตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่ามีคำกล่าวอ้างจากบัญชีผู้ใช้ @AdameMedia โพสต์ข้อความลง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2025 เน้นย้ำ "สหรัฐฯ ปฏิเสธคืนทองคำของจีน - จีนตีโต้กลับ"
@AdameMedia บอกว่าจีนลำเลียงทองคำหลายร้อยตันไปยังสหรัฐฯ เพื่อจัดเก็บ และเวลานี้ปักกิ่งต้องการมันคืน แต่วอชิงตันปฏิเสธ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบโต้ จีนจึงกำลังเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะคุกคามเสถียรภาพทางการเงิน
คำกล่าวอ้างดังกล่าวถูกส่งต่อไปในวงกว้างบนสื่อสังคมออนไลน์ และโหมกระพือเป็นประเด็นโต้เถียง กระตุ้นให้ทาง Fact Protocol โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ นำข้อมูลมาหักล้างกัน
ในคำกล่าวอ้างที่ 1 ที่บอกว่า "จีนขนย้ายทองคำหลายร้อยตันไปยังสหรัฐฯ เพื่อจัดเก็บ"
Fact Protocol ระบุว่าในเรื่องนี้ "ในอดีตที่ผ่านมา ธนาคารกลางชาติต่างๆ ในนั้นรวมถึงจีน จัดเก็บทองคำในสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศ อย่างเช่นสหรัฐฯ และสหราชณาจักร เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ คลังเก็บในนิวยอร์ก ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ไม่พบหลักฐานว่าในปัจจุบัน จีนจัดเก็บทองคำหลายร้อยตันในสหรัฐฯ ทั้งนี้ตามรายงานของธนาคารประชาชนจีน (PBoC) และจากการติดตามของสภาทองคำโลก คลังสำรองทองคำอย่างเป็นทางการของจีน จนถึงไตรมาส 4 ของปี 2024 อยู่ที่ 2,279.56 ตัน ส่วนใหญ่จัดเก็บไว้ภายในประเทศ
นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 จีนให้ความสำคัญกับการถอนทองคำกลับประเทศและเพิ่มคลังสำรองทองคำภายใน พวกเขาสามารถผลิตทองคำได้มากกว่า 300 ตันในแต่ละปี (ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก) และนำเข้าทองคำปริมาณมาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่มีการส่งออกทองคำใดๆ เลย
Fact Protocol ระบุว่าคำกล่าวอ้างว่า จีน มีทองคำปริมาณมากอยู่ในสหรัฐฯ มีบ่อเกิดจากโพสต์สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการหรือสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือสนับสนุนใดๆ มันเป็นข่าวโคมลอยที่ปราศจากเอกสารประกอบ ในนั้นรวมถึงรายงานของเฟดหรือถ้อยแถลงของ (PBoC)
คำกล่าวอ้างที่ 2 "จีนต้องการทองคำกลับ แต่วอชิงตันปฏิเสธ"
ไม่มีรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือในเรื่องนี้มาจากแหล่งข่าวกระแสหลัก ไม่มีถ้อยแถลงของธนาคารกลางหรือช่องทางทางการทูต ยืนยันว่าจีนได้ร้องขออย่างเป็นทางการ ขอทองคำคืนจากสหรัฐฯ หรือกรณีที่อเมริกาปฏิเสธคำร้องดังกล่าว
ตัวอย่างกรณีขอถอนทองคำกลับประเทศในอดีต อย่างเช่นเยอรมนี ในช่วงปี 2013-2017 ที่สหรัฐฯ ได้ปฏิบัติตามคำร้องที่ถูกต้องตามกฎหมายของเยอรมนี แต่มันก็เป็นไปอย่างช้าๆ สืบเนื่องจากปัญหาโลจิสติกส์
ด้วยที่ไม่มีหนังสือคำร้องอย่างเป็นทางการใดๆ จากจีนหรือการตอบสนองจากสหรัฐฯ ในปี 2024 หรือช่วงต้นปี 2025 จึงบ่งชี้ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาของพวกผู้ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์เท่านั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องเล่าดังกล่าว ตามการตรวจสอบของ Fact Protocol
ส่วนคำกล่าวอ้างที่ 3 " จีนเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คุกคามเสถียรภาพระบบทางการเงิน" ทาง Fact Protocol ระบุว่า จีน ได้ลดถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จริง ลดลงจากระดับสูงสุด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2011 เหลือราว 816,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปลายปี 2023 อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการคลัง
Fact Protocol ระบุว่าความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์กระจายความเสี่ยง เบี่ยงเข้าหาทองคำ สกุลเงินยูโรและสินทรัพย์อื่นๆ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน และความพยายามลดพึ่งพิงดอลลาร์ พร้อมเผยว่านับตั้งแต่ปี 2022 ทาง PBoC เพิ่มเติมทองคำในคลังสำรองไปแล้วกว่า 23 ตัน
อย่างไรก็ตาม Fact Protocol บอกว่าการลดถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เททิ้งอย่างฉับพลัน และพวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ามันไม่บั่นเสถียรภาพระบบการเงินของสหรัฐฯ ในขณะที่อุปสงค์โลกจากผู้ซื้อรายอื่นๆ สำหรับพันธมิตรรัฐบาลอเมริกายังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำนาญหรือนักลงทุน
(ที่มา : ไบแนนซ์)