เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมากล่าวชื่นชมประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่า “มีสามัญสำนึก” ในการที่จะช่วยยุติสงครามในยูเครน ขณะที่พวกมหาอำนาจยุโรปยังคงอุ้มยูเครนไม่เลิกเพราะอยากให้ความขัดแย้งลากยาวออกไป ซัดตลอด 500 ปีที่ผ่านมาโศกนาฏกรรมใหญ่ของโลกล้วนเกิดเพราะ "ยุโรป" เป็นเหตุ
ลาฟรอฟ ระบุวานนี้ (2 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ ยังคงต้องการที่จะเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก และวอชิงตันกับมอสโกคงไม่อาจเห็นพ้องร่วมกันทุกสิ่ง ทว่าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะยึดแนวทางอันปฏิบัติได้จริงหากว่าผลประโยชน์สอดคล้องกัน
ลาฟรอฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียมายาวนานถึง 21 ปี ชี้ว่า โมเดลความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ เพื่อให้ “เกิดประโยชน์ร่วมกันในหลายด้าน” แทนที่จะปล่อยให้ความขัดแย้งลุกลามกลายเป็นสงคราม
“โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักปฏิบัติ (pragmatist)” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียถ่ายทอดบทสัมภาษณ์ที่ ลาฟรอฟ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Krasnaya Zvezda ซึ่งเป็นสื่อสายทหารของมอสโก
“สโลแกนของเขาคือการมีสามัญสำนึก และทุกคนก็ทราบดีว่า นั่นหมายถึงการทำสิ่งต่างๆ ด้วยแนวทางที่ต่างไปจากเดิม”
“แต่เป้าหมายของเขาก็ยังคงเป็น MAGA (Make America Great Again = ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง) ซึ่งเป็นการใส่สีสันและความเป็นมนุษย์ลงไปในการเมือง และทำให้การทำงานร่วมกับเขาเป็นสิ่งที่น่าสนใจ”
ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ ปูติน เมื่อวันที่ 12 ก.พ. และบอกว่าตนอยากจะถูกจดจำในฐานะ “ผู้สร้างสันติภาพ” ด้วยการพลิกนโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อสงครามในยูเครน
ลาฟรอฟ ระบุว่า การพูดคุยดังกล่าวเป็นความริเริ่มของฝ่าย ทรัมป์
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความขัดแย้งนี้อาจลุกลามขยายวงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งตนเคยพูดกับ ปูติน “หลายครั้งแล้ว” และเชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้รัสเซีย-ยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพกันได้
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ได้เกิดปะทะคารมอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (28 ก.พ.) โดย ทรัมป์ กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่เคารพสหรัฐฯ แถมยังเตือนว่าเขากำลังจะแพ้สงคราม และไม่มีไพ่ต่อรองใดๆ เหลืออีกแล้ว
การแสดงออกของ ทรัมป์ ทำให้บรรดาผู้นำยุโรปรีบออกมาแถลงปกป้อง เซเลนสกี และประกาศจะยืนหยัดข้างยูเครน
ลาฟรอฟ ตำหนิท่าทีกางแขนปกป้องเคียฟของยุโรป โดยกล่าวว่าตลอด 500 ปีที่ผ่านมายุโรปถือเป็นเบ้าหลอมของ “โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก” ไม่ว่าจะเป็นการล่าอาณานิคม การทำสงครามต่างๆ เช่น สงครามครูเสด สงครามไครเมีย และยังอ้างไปถึง นโปเลียน โบนาปาร์ต สงครามโลกครั้งที่ 1 และ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
“และตอนนี้หลังจากที่หมดวาระของ (ประธานาธิบดี โจ) ไบเดน ผู้คนที่เข้ามาใหม่ต่างถูกชี้นำโดยสามัญสำนึก พวกเขาบอกว่าต้องการจบสงคราม และต้องการสันติภาพ” ลาฟรอฟ กล่าว
“แต่แล้วใครเล่าที่ยังคงเรียกร้องให้จัดงานเลี้ยงกันต่อในรูปของสงคราม? ก็คือ ยุโรป”
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยังปฏิเสธแนวคิดในการให้ยุโรปส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในยูเครน โดยระบุว่ารัสเซียไม่เชื่อใจยูเครนอีกต่อไปแล้วหลังจากที่ “ข้อตกลงกรุงมินสก์” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกล่มสลายไป
ลาฟรอฟ ชี้ว่า พวกชาติยุโรปไม่อาจอธิบายได้ว่าพลเมืองที่พูดภาษารัสเซียจะได้รับสิทธิอะไรบ้างภายใต้แผนรักษาสันติภาพของยุโรป และรัสเซียก็ไม่เห็นด้วยที่ยุโรปยังคงหนุนหลัง เซเลนสกี
“ตอนนี้พวกเขายังอยากที่จะอุ้ม (เซเลนสกี) ไว้ด้วยดาบปลายปืนในรูปของกองกำลังรักษาสันติภาพ นั่นหมายความว่าต้นเหตุของความขัดแย้งจะไม่หมดไป”
ที่มา : รอยเตอร์