ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศรายชื่อ 5 สกุลเงินดิจิทัลที่จะถูกเพิ่มลงในคลังสำรองคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ส่งผลให้ราคาเงินดิจิทัลพุ่งทะยานขานรับทันที
ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ว่าคำสั่งบริหารว่าด้วยทรัพย์สินดิจิทัลที่ลงนามไปเมื่อเดือน ม.ค. จะนำไปสู่การสร้างคลังสำรองคริปโตของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยบิตคอยน์ (BTC), อีเธอเรียม (ETH), XRP, Solana (SOL) และ ADA ของคาร์ดาโน
อีกชั่วโมงเศษๆ ต่อมา ทรัมป์ ได้กล่าวเสริมว่า "และแน่นอนว่า BTC และ ETH รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีที่มีค่าอื่นๆ จะเป็นหัวใจหลักของคลังสำรองนี้"
ผลจากคำประกาศของผู้นำสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลกพุ่งขึ้นกว่า 11% มาอยู่ที่ 94,164 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (2) ขณะที่อีเธอเรียมก็ราคาพุ่ง 13% มาอยู่ที่ 2,516 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยภาพรวมแล้ว ตลาดคริปโตตเคอร์เรนซีมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10% หรือกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังคำประกาศของ ทรัมป์ ตามข้อมูลจาก CoinGecko ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้ข้อมูลและวิเคราะห์เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี
รอยเตอร์ระบุว่า XRP เป็นเหรียญคริปโตของบริษัท Ripple Labs ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มซูเปอร์แพกที่ล็อบบี้ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมคริปโตในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
"ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในเศรษฐกิจคริปโต" เฟเดริโก โบรเคต หัวหน้าฝ่ายธุรกิจในสหรัฐฯ ของ 21Shares ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ระบุ
"มันอาจช่วยกระตุ้นการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลโดยสถาบันต่างๆ เพิ่มความชัดเจนในด้านกฎระเบียบ และส่งเสริมบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล"
ทรัมป์ ได้รับแรงสนับสนุนจากอุตสาหกรรมคริปโตในศึกเลือกตั้งปี 2024 และไม่รอช้าที่จะสนับสนุนนโยบายส่งเสริมสินทรัพย์ประเภทนี้ โดยเขาเตรียมจัดการประชุมซัมมิตคริปโตที่ทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ (7) ขณะที่สมาชิกในครอบครัว ทรัมป์ ก็มีการออกเหรียญคริปโตเป็นของตัวเองด้วย
รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดที่แล้วภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีมาตรการปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโตเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากการฉ้อโกงและการฟอกเงิน
ในยุคทรัมป์ 2.0 คณะกรรมาธิการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ ได้เพิกถอนการสอบสวนบริษัทคริปโตหลายราย และยังถอนฟ้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ซื้อขาย และจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาคริปโตได้ปรับตัวลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบางสกุลนั้นสูญเสียมูลค่าที่เคยพุ่งขึ้นหลัง ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ไปเกือบหมด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดคริปโตจำเป็นต้องมีเหตุผลในการที่จะเติบโตมากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือการออกกฎระเบียบที่ชัดเจนและเอื้อต่ออุตสาหกรรมคริปโตของรัฐบาลทรัมป์ เป็นต้น
จอฟฟ์ เคนดริก นักวิเคราะห์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เคยออกมาทำนายว่า ราคาบิตคอยน์จะทำลายสถิติสูงสุด 109,071 ดอลลาร์สหรัฐ และอาจพุ่งแตะ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐก่อนที่ ทรัมป์ จะพ้นตำแหน่ง
ที่มา : รอยเตอร์


