(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Zelensky miscalculates disastrously in picking fight with Trump
by Andrew Korybko
01/03/2025
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปะทะคารมอย่างดุเดือดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ กลายเป็นข่าวเอะอะเกรียวกราวระดับโลก และก็กลายเป็นการทำลายโอกาสที่ดีที่สุดของเขาสำหรับการบรรลุสันติภาพที่มีสหรัฐฯทำหน้าที่เป็นคนกลาง
คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์โต้เถียงกันอย่างมันหยด ที่ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา จะต้องได้รับการจดจำว่าเป็นหนึ่งในความล้มเหลวระดับตำนานครั้งย่ำแย่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผู้นำต่างประเทศไม่ว่าคนไหนได้เคยกระทำมา
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ขบคิดด้วยอาการหลงผิดที่เข้าใจไปว่า ในขณะที่อยู่ในฐานะเป็นแขกรับเชิญอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ เขาสามารถที่จะแสดงความไม่เคารพรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของอเมริกา ต่อหน้าต่อตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเวลาซึ่งกำลังมีการถ่ายทอดออกอากาศสดทางทีวี โดยที่จะไม่เกิดผลพวงต่อเนื่องใดๆ ติดตามมา
ท่านผู้อ่านสามารถชมคลิปวิดีโอเต็มๆ ของเหตุการณ์นี้ [1]ได้ที่ https://x.com/nexta_tv/status/1895538305598365894?utm_source=substack&utm_medium=email ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เซเลนสกี แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างก้าวร้าวใส่การแสดงความคิดเห็นอย่างอ่อนโยนของแวนซ์ ในเรื่องที่อเมริกากำลังให้ความสำคัญกับการติดต่อดำเนินการทางการทูตกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เหนือกว่าการพูดจาแบบแข็งกร้าวที่มีแต่ประสบความล้มเหลวของคณะบริหารโจ ไบเดนในอดีต
ครั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็บานปลายไต่ระดับพุ่งปริ๊ดจนควบคุมกันไม่อยู่ หลังจากเซเลนสกีกล่าวหาว่าแวนซ์ตะโกนใส่หน้าเขา ซึ่งเร่งรัดให้ทรัมป์ต้องพูดขัดเซเลนสกี และบอกเขาให้เงียบๆ เอาไว้เนื่องจากเขาได้พูดมามากมายเกินไปแล้ว ทั้งหลายทั้งปวงต่างประดังกันขึ้นมาขณะที่ทรัมป์และแวนซ์กล่าวตำหนิติเตียนเซเลนสกีต่อไปอย่างโหดๆ ในฉากเหตุการณ์ภายในสถานที่ทำงานระดับสูงสุดของอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่สาธารณชนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ทรัมป์ กับ แวนซ์ ยังกล่าวหาเซเลนสกีว่าไม่ได้มีความกตัญญูรู้คุณต่อการที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือไปตั้งมากมาย หลังจากที่เซเลนสกีพูดเท็จเรื่องที่ว่ายูเครนถูกทอดทิ้งให้ต้องต่อสู้โดยลำพังนับตั้งแต่การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเริ่มต้นขึ้นมา พร้อมกับเตือนให้เขาตระหนักว่าเขากำลังประพฤติตนแบบขาดความเคารพคู่สนทนาถึงขนาดไหน
ทรัมป์พูดสรุปทุกสิ่งทุกอย่างด้วยคำเตือน [2] ที่ว่า สหรัฐฯอาจยุติความสนับสนุนที่ตนให้แก่ยูเครนอย่างสิ้นเชิงถ้าหากเซเลนสกีไม่ยินยอมที่จะร่วมมือเพื่อสร้างสันติภาพกับปูติน ก่อนที่จะขับไล่ไสส่งเซเลนสกีออกไปจากทำเนียบขาว [3] ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏพบเห็นกัน
เหมือนกับเป็นการราดน้ำมันเข้ากองเพลิง หลังจากนั้นยังมีรายงานว่าพวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้รับประทานอาหารกลางวัน [4] ซึ่งจัดเตรียมเอาไว้แล้วสำหรับเลี้ยงรับรองเซเลนสกีและคณะของเขา โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าพวกเขาจะลงนามในข้อตกลงเรื่องแร่ของยูเครนกับฝ่ายสหรัฐฯ [5] อันเป็นเหตุผลสำคัญของการที่เขามาเยือนทำเนียบขาวครั้งนี้ นอกจากนั้นแล้วทรัมป์ยังได้โพสต์ข้อความทางโซเซียลมีเดีย [6] ระบุกล่าวหากันชัดๆ ว่าเซเลนสกีไม่ให้ความเคารพสหรัฐฯ
สำหรับผู้สังเกตการณ์ที่ปราศจากอคติใดๆ ซึ่งได้เห็นคลิปวิดีโอความยาวราวๆ 10 นาทีดังที่อ้างอิงไว้ข้างบนนี้แล้ว จากลำดับเหตุการณ์ที่มีความแจ่มแจ้งชัดเจนเช่นนี้ย่อมมองเห็นได้ว่า เซเลนสกีเป็นฝ่ายยั่วยุเจ้าภาพทั้งสองของเขา ด้วยการแสดงอาการไม่เคารพแวนซ์ กระนั้น เบน ฮอลล์ (Ben Hall) แห่ง ไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) [7] กลับมีทัศนะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ตามความเห็นของฮอลล์แล้ว “มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยที่จะจินตนาการได้ว่า แวนซ์และทรัมป์กำลังทำให้เรื่องเสียหาย ด้วยการทำให้เกิดการซัดกันกับผู้นำของยูเครนผู้นี้ ...สามารถที่จะพูดได้ว่ามีการจัดเวทีเตรียมเอาไว้แล้วสำหรับการดักซุ่มตี” ในตอนที่เซเลนสกีเดินทางเข้ามายังห้องทำงานรูปไข่
ขณะที่มันเป็นความจริงที่ว่าเซเลนสกีกับทรัมป์เกิดการทะเลาะโต้เถียงกันอย่างเลวร้ายผ่านการออกข่าวทางสื่อ [8] ก่อนหน้าที่ผู้นำยูเครนผู้นี้เดินทางมาถึงสหรัฐฯ ทว่าเจ้าภาพฝ่ายอเมริกันของเขาเชื้อเชิญเขามาเยือน ก็เพราะเขาแสดงท่าทีว่าต้องการคลี่คลายปัญหาที่มีอยู่ระหว่างกันด้วยการลงนามในข้อตกลงว่าด้วยแร่ แล้วจากนั้นก็เจรจาหารือกันถึงหนทางที่จะไปสร้างสันติภาพกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
ทรัมป์นั้นปฏิบัติต่อเซเลนสกีด้วยความเมตตาทีเดียว ก่อนหน้าที่เขาแสดงอาการไม่เคารพแวนซ์ โดยที่แวนซ์เองก็มีท่าทีทำนองเดียวกับทรัมป์ ดังเห็นได้จากการที่เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการโจมตีเป็นการส่วนตัวหรือหยามหมิ่นใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จู่ๆ เซเลนสกีจะตัดสินใจพูดจาอย่างโอ้อวดระอุไปด้วยอารมณ์ใส่เขา
ดูหมือนว่าอารมณ์ของเซเลนสกีปะทุขึ้นมาภายหลังตระหนักแน่แก่ใจว่า คณะบริหารทรัมป์ต้องการที่จะกดดันบังคับเขาให้ทำสันติภาพกับปูติน และจะไม่มีทางยอมถูกปั่นหัวเพื่อดึงลากให้การสู้รบขัดแย้งนี้ยืดเยื้อต่อไปอีก –อย่าว่าแต่ทำให้มันบานปลายยกระดับรุนแรงยิ่งขึ้น—ภายหลังพวกเขาลงนามกันในดีลเรื่องแร่แล้ว อย่างที่ตัวเขาไม่ว่าเนื่องจากอะไรก็ตามที บังเกิดความคาดหวังขึ้นมาว่าน่าจะผลักดันให้เกิดขึ้นมาได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง เขาจึงตัดสินใจที่จะบ่อนทำลายการพูดจาคราวนี้ให้พังภินท์ลง ด้วยการทำให้เกิดเรื่องเอะอะเกรียวกราวขึ้นมา โดยเป็นไปได้ทีเดียวว่า ด้วยความวาดหวังที่มันจะสร้างความชอบธรรมให้แก่การปฏิเสธอย่างฉับพลันไม่ยอมลงนามในข้อตกลงฉบับที่กล่าวถึงข้างต้น ถ้าหากว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็จะใช้ดีลฉบับนี้ในการกดดันเขาต่อไปหลังจากนี้ เพื่อให้ยินยอมเข้าสู่สันติภาพ
เซเลนสกี ดูเหมือนไม่ได้รับคำแนะนำจากใครสักคนที่มีความเข้าอกเข้าใจแม้กระทั่งแค่ระดับพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการทำงานของทรัมป์ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาย่อมสมควรที่จะทราบว่าการออกแรงกดดันทรัมป์ต่อหน้าสาธารณชนนั้น ย่อมก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กลับเสมอมา
นอกจากนั้นแล้ว เซเลนสกียังอาจจะไม่เคยคิดเลยในแง่มุมที่ว่าสหรัฐฯมีความต้องการได้อะไรจากยูเครน น้อยกว่าที่ยูเครนต้องการได้จากสหรัฐฯนักหนา โดยที่ทรัมป์กำลังพรักพร้อมอยู่แล้วที่จะพิจารณาจัดทำข้อตกลงเรื่องแร่กับปูติน ซึ่งจะมีความสำคัญมากกว่า [9] ที่จะทำกับเซเลนสกีเสียอีก ดังนั้นเขากระทั่งไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องได้ทรัพยากรของยูเครนด้วยซ้ำ ขณะที่ยูเครนกลับไม่มีทางเลือกอื่นซึ่งจะมาแทนที่อาวุธอเมริกัน และด้วยเหตุนี้จึงต้องพึ่งพาและขึ้นต่ออเมริกาอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้
ข้อสังเกตดังกล่าวนี้ ยังนำมาสู่การวิเคราะห์ท่าทีของทรัมป์ที่ดูเหมือนจะแสดงลางไม่สู้ดี เมื่อเขาปล่อยผ่านไม่ได้ให้คำตอบอะไร [10] ตอนที่ถูกผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะระงับความช่วยเหลือทางทหารที่ให้แก่ยูเครนหรือไม่ แล้วจากนั้นเขายังแสดงท่าทีข่มขู่ในตอนท้ายของการที่เขากับแวนซ์ปะทะคารมอย่างดุเดือดกับเซเลนสกี
หากว่านี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจกระทำในท้ายที่สุด –ซึ่งในตอนนี้ยังออกจะเร็วเกินไปที่จะพูดด้วยความมั่นใจว่าเขาจะทำเช่นนั้นแน่ๆ – มันก็จะกลายเป็นฉากทัศน์อย่างเลวร้ายที่สุดเท่าที่ทางยุโรปจะสามารถคาดการณ์ได้เพื่อเตรียมรับมือกันทีเดียว เนื่องจากถ้าหากเส้นแนวหน้าในปัจจุบันของยูเครนพังทลายลง (เพราะไม่ได้รับอาวุธและความช่วยเหลือจากอเมริกันแล้ว) รัสเซียย่อมสามารถที่จะบุกตะลุยรุกต่อไปทางตะวันตกเรื่อยๆ โดยไม่ต้องกลัวเกรงว่าสหรัฐฯจะเข้ามาแทรกแซงขัดขวาง
รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ ของสหรัฐฯ ก็เพิ่งกล่าวยืนยัน [11] เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯจะไม่ขยายการรับประกันตามมาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโตให้ครอบคลุมไปถึงกองทหารของประเทศนาโตใดๆ ก็ตามที่ส่งเข้าไปในยูเครน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, หรือใครก็ตามทีซึ่งอาจขบคิดพิจารณาที่จะจัดส่งทหารไปที่นั่นหากเกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวมา ถึงตอนนี้ก็จะถูกบังคับให้ต้องทบทวนกันใหม่
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในทางทฤษฎีแล้วรัสเซียสามารถที่จะบุกตะลุยต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงปลายสุดชายแดนอีกฟากหนึ่งของยูเครนซึ่งอยู่ติดต่อกับพวกชาตินาโตกันเลยทีเดียวถ้าหากมอสโกปรารถนาที่จะกระทำเช่นนั้น ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วปูตินอาจจะหยุดยั้งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น หากสามารถผ่าทางตันบีบบังคับให้เคียฟ ต้องยอมปฏิบัติตามความเรียกร้องต้องการของเขาได้สำเร็จเสร็จสรรพ
สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปข่าวเมื่อวันศุกร์คราวนี้ ต้องถือเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “ห่านดำ” (black swan หมายถึงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะส่งผลกระทบต่างๆ อย่างใหญ่โตมโหฬาร -ผู้แปล) อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณากันจากแง่มุมที่ว่า ไม่มีใครสามารถคาดคิดล่วงหน้าได้หรอกว่า เซเลนสกีจะทำลายความสัมพันธ์ที่เขามีอยู่กับทรัมป์อย่างย่อยยับ ณ ช่วงเวลาที่สันนิษฐานกันว่าพวกเขากำลังลงนามในดีลเรื่องแร่ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่สันติภาพหลังจากนั้น
ทรัมป์กระทั่งร้องตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวด้วยซ้ำระหว่างที่ดรามาของพวกเขากำลังดุเดือดถึงจุดพีก ว่าสหรัฐนกำลังส่งไพ่ตัวดีๆ ให้ยูเครนใช้เล่น ซึ่งจะช่วยให้เคียฟไปสู่จุดจบของการสู้รบขัดแย้งคราวนี้ด้วยฐานะการต่อรองที่ดียิ่งขึ้น หากเปรียบเทียบกับกรณีที่เขาไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ ในทางการทูตเลย
“การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศครั้งใหม่” (New Détente) ซึ่งทรัมป์ต้องการที่จะเป็นคนกลางร่วมมือทำงานกับปูตินให้บังเกิดผลนี้ (ท่านผู้อ่านสามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากบทวิเคราะห์ 5 ชิ้นที่ทำไฮเปอร์ลิงก์เอาไว้ในช่วงกลางๆ ของข้อเขียนเรื่อง Putin’s Praise Of Trump’s Approach To Peace Talks Sends A Message To All Of Russia’s Supporters ของผม) ท้องเรื่องสำคัญส่วนใหญ่คือการบีบบังคับให้เซเลนสกียอมเดินเข้าสู่สันติภาพนั่นเอง
การตัดสินใจในนาทีสุดท้ายของเซเลนสกีที่จะบ่อนทำลายกระบวนการมุ่งสู่สันติภาพ ด้วยการก่อเรื่องดรามาตื่นตาตื่นใจระดับโลกขึ้นมาคราวนี้ ดูจะเกิดขึ้นโดยที่ทรัมป์ก็ไม่ทันระวังตั้งตัว แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เซเลนสกีสามารถแสดงอาการไม่เคารพแวนซ์ ผ่านพ้นไปโดยไม่ถูกลงโทษใดๆ ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดว่าความไม่เคารพชองเซเลนสกียังขยายต่อมาครอบคลุมถึงการไม่เคารพสหรัฐฯอีกด้วย
นี่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า “การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศครั้งใหม่” เวลานี้อยู่ในสภาพพลิกคว่ำล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่าแล้ว เนื่องจาก 2 ตัวละครสำคัญที่สุด คือ ทรัมป์ กับ ปูติน ยังคงมีความปรารถนาที่จะทำความตกลงผ่อนปรนอ่อนข้อให้แก่กันและกันในหลายๆ เรื่องต่อเนื่องกันเป็นชุดใหญ่ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสถาปนาสายสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ขึ้นมา เพียงแต่ว่าเมื่อถึงตอนนี้มันก็อาจจะต้องเดินหน้าไปโดยที่ไม่มียูเครนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จทรัมป์นั้นปฏิบัติต่อเซเลนสกีด้วยความเมตตาทีเดียว ก่อนหน้าที่เขาแสดงอาการไม่เคารพแวนซ์ โดยที่แวนซ์เองก็มีท่าทีทำนองเดียวกับทรัมป์ ดังเห็นได้จากการที่เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการโจมตีเป็นการส่วนตัวหรือหยามหมิ่นใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จู่ๆ เซเลนสกีจะตัดสินใจพูดจาอย่างโอ้อวดระอุไปด้วยอารมณ์ใส่เขา
ดูหมือนว่าอารมณ์ของเซเลนสกีปะทุขึ้นมาภายหลังตระหนักแน่แก่ใจว่า คณะบริหารทรัมป์ต้องการที่จะกดดันบังคับเขาให้ทำสันติภาพกับปูติน และจะไม่มีทางยอมถูกปั่นหัวเพื่อดึงลากให้การสู้รบขัดแย้งนี้ยืดเยื้อต่อไปอีก –อย่าว่าแต่ทำให้มันบานปลายยกระดับรุนแรงยิ่งขึ้น—ภายหลังพวกเขาลงนามกันในดีลเรื่องแร่แล้ว อย่างที่ตัวเขาไม่ว่าเนื่องจากอะไรก็ตามที บังเกิดความคาดหวังขึ้นมาว่าน่าจะผลักดันให้เกิดขึ้นมาได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง เขาจึงตัดสินใจที่จะบ่อนทำลายการพูดจาคราวนี้ให้พังภินท์ลง ด้วยการทำให้เกิดเรื่องเอะอะเกรียวกราวขึ้นมา โดยเป็นไปได้ทีเดียวว่า ด้วยความวาดหวังที่มันจะสร้างความชอบธรรมให้แก่การปฏิเสธอย่างฉับพลันไม่ยอมลงนามในข้อตกลงฉบับที่กล่าวถึงข้างต้น ถ้าหากว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็จะใช้ดีลฉบับนี้ในการกดดันเขาต่อไปหลังจากนี้ เพื่อให้ยินยอมเข้าสู่สันติภาพ
เซเลนสกี ดูเหมือนไม่ได้รับคำแนะนำจากใครสักคนที่มีความเข้าอกเข้าใจแม้กระทั่งแค่ระดับพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการทำงานของทรัมป์ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาย่อมสมควรที่จะทราบว่าการออกแรงกดดันทรัมป์ต่อหน้าสาธารณชนนั้น ย่อมก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กลับเสมอมา
นอกจากนั้นแล้ว เซเลนสกียังอาจจะไม่เคยคิดเลยในแง่มุมที่ว่าสหรัฐฯมีความต้องการได้อะไรจากยูเครน น้อยกว่าที่ยูเครนต้องการได้จากสหรัฐฯนักหนา โดยที่ทรัมป์กำลังพรักพร้อมอยู่แล้วที่จะพิจารณาจัดทำข้อตกลงเรื่องแร่กับปูติน ซึ่งจะมีความสำคัญมากกว่า [9] ที่จะทำกับเซเลนสกีเสียอีก ดังนั้นเขากระทั่งไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องได้ทรัพยากรของยูเครนด้วยซ้ำ ขณะที่ยูเครนกลับไม่มีทางเลือกอื่นซึ่งจะมาแทนที่อาวุธอเมริกัน และด้วยเหตุนี้จึงต้องพึ่งพาและขึ้นต่ออเมริกาอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้
ข้อสังเกตดังกล่าวนี้ ยังนำมาสู่การวิเคราะห์ท่าทีของทรัมป์ที่ดูเหมือนจะแสดงลางไม่สู้ดี เมื่อเขาปล่อยผ่านไม่ได้ให้คำตอบอะไร [10] ตอนที่ถูกผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะระงับความช่วยเหลือทางทหารที่ให้แก่ยูเครนหรือไม่ แล้วจากนั้นเขายังแสดงท่าทีข่มขู่ในตอนท้ายของการที่เขากับแวนซ์ปะทะคารมอย่างดุเดือดกับเซเลนสกี
หากว่านี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจกระทำในท้ายที่สุด –ซึ่งในตอนนี้ยังออกจะเร็วเกินไปที่จะพูดด้วยความมั่นใจว่าเขาจะทำเช่นนั้นแน่ๆ – มันก็จะกลายเป็นฉากทัศน์อย่างเลวร้ายที่สุดเท่าที่ทางยุโรปจะสามารถคาดการณ์ได้เพื่อเตรียมรับมือกันทีเดียว เนื่องจากถ้าหากเส้นแนวหน้าในปัจจุบันของยูเครนพังทลายลง (เพราะไม่ได้รับอาวุธและความช่วยเหลือจากอเมริกันแล้ว) รัสเซียย่อมสามารถที่จะบุกตะลุยรุกต่อไปทางตะวันตกเรื่อยๆ โดยไม่ต้องกลัวเกรงว่าสหรัฐฯจะเข้ามาแทรกแซงขัดขวาง
รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ ของสหรัฐฯ ก็เพิ่งกล่าวยืนยัน [11] เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯจะไม่ขยายการรับประกันตามมาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโตให้ครอบคลุมไปถึงกองทหารของประเทศนาโตใดๆ ก็ตามที่ส่งเข้าไปในยูเครน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, หรือใครก็ตามทีซึ่งอาจขบคิดพิจารณาที่จะจัดส่งทหารไปที่นั่นหากเกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวมา ถึงตอนนี้ก็จะถูกบังคับให้ต้องทบทวนกันใหม่
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในทางทฤษฎีแล้วรัสเซียสามารถที่จะบุกตะลุยต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงปลายสุดชายแดนอีกฟากหนึ่งของยูเครนซึ่งอยู่ติดต่อกับพวกชาตินาโตกันเลยทีเดียวถ้าหากมอสโกปรารถนาที่จะกระทำเช่นนั้น ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วปูตินอาจจะหยุดยั้งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น หากสามารถผ่าทางตันบีบบังคับให้เคียฟ ต้องยอมปฏิบัติตามความเรียกร้องต้องการของเขาได้สำเร็จเสร็จสรรพ
สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปข่าวเมื่อวันศุกร์คราวนี้ ต้องถือเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “ห่านดำ” (black swan หมายถึงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะส่งผลกระทบต่างๆ อย่างใหญ่โตมโหฬาร -ผู้แปล) อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณากันจากแง่มุมที่ว่า ไม่มีใครสามารถคาดคิดล่วงหน้าได้หรอกว่า เซเลนสกีจะทำลายความสัมพันธ์ที่เขามีอยู่กับทรัมป์อย่างย่อยยับ ณ ช่วงเวลาที่สันนิษฐานกันว่าพวกเขากำลังลงนามในดีลเรื่องแร่ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่สันติภาพหลังจากนั้น
ทรัมป์กระทั่งร้องตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวด้วยซ้ำระหว่างที่ดรามาของพวกเขากำลังดุเดือดถึงจุดพีก ว่าสหรัฐนกำลังส่งไพ่ตัวดีๆ ให้ยูเครนใช้เล่น ซึ่งจะช่วยให้เคียฟไปสู่จุดจบของการสู้รบขัดแย้งคราวนี้ด้วยฐานะการต่อรองที่ดียิ่งขึ้น หากเปรียบเทียบกับกรณีที่เขาไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ ในทางการทูตเลย
“การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศครั้งใหม่” (New Détente) ซึ่งทรัมป์ต้องการที่จะเป็นคนกลางร่วมมือทำงานกับปูตินให้บังเกิดผลนี้ (ท่านผู้อ่านสามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จากบทวิเคราะห์ 5 ชิ้นที่ทำไฮเปอร์ลิงก์เอาไว้ในช่วงกลางๆ ของข้อเขียนเรื่อง Putin’s Praise Of Trump’s Approach To Peace Talks Sends A Message To All Of Russia’s Supporters ของผม) ท้องเรื่องสำคัญส่วนใหญ่คือการบีบบังคับให้เซเลนสกียอมเดินเข้าสู่สันติภาพนั่นเอง
การตัดสินใจในนาทีสุดท้ายของเซเลนสกีที่จะบ่อนทำลายกระบวนการมุ่งสู่สันติภาพ ด้วยการก่อเรื่องดรามาตื่นตาตื่นใจระดับโลกขึ้นมาคราวนี้ ดูจะเกิดขึ้นโดยที่ทรัมป์ก็ไม่ทันระวังตั้งตัว แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เซเลนสกีสามารถแสดงอาการไม่เคารพแวนซ์ ผ่านพ้นไปโดยไม่ถูกลงโทษใดๆ ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดว่าความไม่เคารพชองเซเลนสกียังขยายต่อมาครอบคลุมถึงการไม่เคารพสหรัฐฯอีกด้วย
นี่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า “การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศครั้งใหม่” เวลานี้อยู่ในสภาพพลิกคว่ำล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่าแล้ว เนื่องจาก 2 ตัวละครสำคัญที่สุด คือ ทรัมป์ กับ ปูติน ยังคงมีความปรารถนาที่จะทำความตกลงผ่อนปรนอ่อนข้อให้แก่กันและกันในหลายๆ เรื่องต่อเนื่องกันเป็นชุดใหญ่ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสถาปนาสายสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ขึ้นมา เพียงแต่ว่าเมื่อถึงตอนนี้มันก็อาจจะต้องเดินหน้าไปโดยที่ไม่มียูเครนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จากเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าในทางเป็นจริงแล้ว เซเลนสกี นั่นแหละคือผู้ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่ทรัมป์และแวนซ์ พวกเขาไม่เคยคาดหมายมาก่อนเลยว่าเซเลนสกีจะตัดสินใจเผาทำลายความเชื่อมโยงทั้งหลายที่ยูเครนมีอยู่กับสหรัฐฯ ถึงแม้ทราบดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ยูเครนจะหาอะไรอย่างอื่นมาทดแทนความช่วยเหลือทางทหารที่ได้รับจากสหรัฐฯ บางทีเซเลนสกีอาจจะไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นจริงหรอกว่าเขากำลังก้าวเดินทางสู่อะไร จวบจนกระทั่งมันสายเกินไปกว่าที่จะกลับใจเสียแล้ว และเมื่อถึงเวลานี้นเขาก็ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกของเขาเข้ามาครอบงำตัวเอง
ไม่ว่ายังไง มาถึงเวลานี้มันย่อมเป็นเรื่องลำบากเหลือเกินที่จะสามารถจินตนาการได้ว่าเซเลนสกีกับทรัมป์ หรือยูเครนกับสหรัฐฯ จะหวนกลับมาคืนดีรอมชอมกันใหม่ได้ยังไง โดยปราศจากเงื่อนไขที่เซเลนสกีจะต้องออกจากตำแหน่งไปเสีย หรือไม่ก็ยอมหมอบราบคาบแก้วกระทำตามข้อเรียกร้องต่างๆ ของทรัมป์อย่างเต็มที่
หากเขายังคงท้าทายด้วยการพยายามดึงลากการสู้รบขัดแย้งนี้ให้ยืนยาวออกไป และสหรัฐฯตัดสินใจที่จะแยกขาดเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว ถ้าเช่นนั้นรัสเซียก็ย่อมได้รับอิสระอย่างมากมายจากวอชิงตัน ให้กระทำอะไรก็แล้วแต่ตามที่ต้องการกับยูเครน ถึงแม้ยังไม่ทราบหรอกว่าสหภาพยุโรปจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
กระนั้น คาดหมายได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะชัดเจนยิ่งขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า ในทันทีที่ทราบกันแน่นอนแล้วว่าเซเลนสกีวางแผนจะทำอะไรต่อไป
แอนดรูว์ โคริบโคเป็นนักวิเคราะห์การเมืองชาวอเมริกันที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงมอสโก เขามีความชำนาญพิเศษในเรื่องการเปลี่ยนผ่านของระบบโลก ซึ่งเข้าสู่ระบบที่มีหลายขั้วอำนาจ
ข้อเขียนชิ้นนี้ปรากฏทีแรกสุดบนแพลตฟอร์ม Substack ของ Andrew Korybko
เชิงอรรถ
[1]https://x.com/nexta_tv/status/1895538305598365894?utm_source=substack&utm_medium=email
[2] https://substack.com/redirect/ee9f9b29-f3dc-4c91-82db-022d536ce672?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[3] https://substack.com/redirect/a64d82dc-f282-4fcd-bfd2-815b6ff3f636?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[4] https://substack.com/redirect/06a10419-5861-404f-9ae2-36d6514012be?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[5] https://substack.com/redirect/840f50fc-169a-41e4-8223-a64e6f1a0cca?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[6] https://substack.com/redirect/ec6b875f-f560-479d-8f05-212f21433b3f?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[7] https://substack.com/redirect/413e7d8b-58c5-4830-a018-33841897054d?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[8] https://substack.com/redirect/8b7048e1-9d28-4935-a883-dacd5f0edf2d?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[9] https://substack.com/redirect/29793e85-91a9-47fa-ac1c-73d6f38d3d1d?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[10] https://substack.com/redirect/29793e85-91a9-47fa-ac1c-73d6f38d3d1d?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI
[11] https://substack.com/redirect/548e995d-6dd0-4d0b-b0d7-c509a3473d89?j=eyJ1IjoiMXR6b3RkIn0.RSMA1YWwMqWjtSu_p9sPkDrVxj6y4gEzzWQMUzMT2FI