xs
xsm
sm
md
lg

ขณะที่สหรัฐฯกำลังเร่งตั้งกำแพงกีดกันการค้า จีนกลับกำลังรื้อทำลายเครื่องขวางกั้นเหล่านี้ทิ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ฌอน นารีน


ผู้คนเดินผ่านป้ายอิเล็กทรอนิกส์แสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ณ บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ในภาพนี้ซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2025
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

While US builds walls, China ripping them down
by Shaun Narine
24/02/2025

ยุคใหม่ของโลกาภิวัตน์กำลังย่างกรายเข้ามาอย่างเจิดจรัส ขณะที่สหรัฐฯตัวสั่นขวัญผวาอยู่เบื้องหลังลัทธิกีดกันการค้า แต่จีนกำลังผลักดันตลาดเสรีขยายกว้างไกลออกไปเรื่อยๆ

สหรัฐฯกำลังคุกคามที่จะขึ้นอัตราภาษีศุลกากรซึ่งเก็บจากสินค้านำเข้าของพวกคู่ค้ารายใหญ่ๆ ของตน [1] ในเวลาเดียวกัน จีนก็กำลังสร้างความแข็งแกร่งมั่นคงให้แก่ฐานะของตนเองในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโลก ด้วยการเพิ่มพูนการค้าที่กระทำกับทางกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) [2]

ถ้าหากบทบาทของอเมริกาในกระบวนการโลกาภิวัตน์ (globalization) คือการบริโภคพวกผลิตภัณฑ์และทรัพยากรต่างๆ ของโลก โดยยึดโยงอยู่กับรากฐานแห่งการก่อหนี้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว บทบาทของจีนก็ต้องเป็นการผลิตพวกสินค้าจับต้องได้ทั้งหลายให้แก่ตลาดระหว่างประเทศ

จีนกำลังเปิดกว้างระบบเศรษฐกิจของตน [3] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดกว้างให้แก่ชาติต่างๆ ของกลุ่มประเทศโลกใต้

ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 จีนได้กำจัดยกเลิกภาษีศุลกากรทั้งหมดที่เก็บจากสินค้านำเข้าซึ่งมาจากเหล่าประเทศพัฒนาน้อยที่สุด [4] นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน ยังพูดพรรณนาถึงจีนว่า เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนในระดับโลก [5]

ศูนย์กลางของการค้าเอเชีย

เวลานี้จีนได้เปรียบดุลการค้าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในระดับเกือบๆ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [6] โดยส่วนแบ่งของจีนในยอดรวมการส่งออกของทั่วโลกเมื่อปี 2023 อยู่ที่ 14% เปรียบเทียบกับสหรัฐฯซึ่งอยู่ที่ 8.5% [7]

จีนยังกำลังทำงานร่วมกับรัฐต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อทำให้ตนเองกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าเอเชีย [8] ปัจจุบันแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนกำลังให้เงินทุนสนับสนุนแก่โครงสร้างพื้นฐานในประเทศต่างๆ ราว 150 ประเทศ [9] ขณะที่พวกบริษัทจีนก็ไปลงทุนในนานาชาติ [10] ทั้งเพื่อเป็นการหลบหลีกมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา เวลาเดียวกันก็เป็นการกระจายตลาดของตนเองออกไปด้วย

ณ ขณะนี้ จีนมีสัดส่วนอยู่ราว 35% ของอุตสาหกรรมการผลิตของโลก [11] เมื่อถึงปี 2030 สหประชาติคาดการณ์ว่า ตัวเลขนี้จะขยับขึ้นเป็น 45% [12]

จีนบรรลุความสำเร็จก้าวขึ้นสู่สถานะนี้ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพ [13]

แดนมังกรยังส่งเสริมบ่มเพาะระบบนิเวศทางเทคโนโลยีและทางการพาณิชย์ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง [14] และมีนวัตกรรม [15] การปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ของ ดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สัญชาติจีน ซึ่งกำลังสร้างความปั่นป่วนอย่างน่าตื่นตาตื่นใจให้แก่เซกเตอร์นี้ [16] วาดภาพให้เห็นความเป็นจริงนี้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นแล้ว จีนยังเข้าควบคุมห่วงโซ่อุปทานทางอุตสาหกรรมระดับโลก (global industrial supply chains) [17] ในพื้นที่ทรงความสำคัญยิ่งยวดจำนวนมาก

ความเข้มแข็งทรงพลังของจีน

ถึงแม้เวลานี้จีนกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว [18] แต่เศรษฐกิจของจีนก็ยังคงสามารถเติบโตขยายตัวในอัตราเกือบ 5% ในปี 2024 [19] รวมทั้งยังมีศักยภาพที่จะเติบโตขยายตัวต่อไปอีก ขณะที่พวกเขาเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นระบบเศรษฐกิจไฮเทค [20]

ภายในปี 2030 ประเทศนี้จะมีผู้คนซึ่งเป็นที่รู้จักเรียกขานกันว่าชนชั้นผู้บริโภค (consuming class) จำนวน 1,100 ล้านคน [21] ทำให้จีนกลายเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

ขณะที่ประชากรของจีนเพียงแค่ 7.8% เท่านั้นซึ่งมีวุฒิการศึกษาในระดับเทียบเท่ากับปริญญาตรี [22] ทว่าจีนกลับเป็นผู้ผลิตบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาด้าน สะเตมศึกษา (STEM ย่อมาจาก science วิทยาศาตร์, technology เทคโนโลยี, engineering วิศวกรรมศาสตร์, และ mathematics คณิตศาสตร์) ถึงราวๆ 65% ของทั่วโลก [23] ในแต่ละปีมาหลายปีแล้ว

จีนยังเป็นผู้นำของโลก [24] ในด้านเทคโนโลยีใหม่ [25] และอุตสาหกรรมใหม่ [26] แทบทุกอย่าง กระนั้นพวกเขาก็ยังคงมีช่องทางสำหรับการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานในเมืองที่มีขนาดย่อมๆ ลงมา [27] ตลอดจนในพื้นที่ชนบท และเนื่องเพราะจีนเป็นผู้นำของโลกในเรื่องการใช้ระบบอัตโนมัติและเอไอ [28] ประเทศนี้จึงมีความจำเป็นด้วยเช่นกันที่จะต้องเป็นผู้นำในเรื่องการบริหารจัดการกับผลกระทบทางสังคมและทางเศรษฐกิจของเทคโนโลยีเหล่านี้

จีนมีความได้เปรียบในเรื่องการประหยัดอันเกิดจากขนาด (economies of scale) [29] ชนิดที่ไม่มีประเทศอื่นๆ (ยกเว้นอินเดีย) สามารถที่จะแข่งขันด้วยได้ ฐานะครอบงำอุตสาหกรรมการผลิตของแดนมังกร คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างสมเหตุสมผล จากการนำเอาประเทศที่มีความละเอียดประณีตทางเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีจำนวนประชากรมากมายมหาศาล เข้าสู่ระบบโลกสมัยใหม่

คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่หนึ่ง [30] ได้ใช้ภาษีศุลกากรมาเป็นอาวุธในความพยายามที่จะดึงเอาการลงทุนเข้าสู่สหรัฐฯ รวมทั้งเพื่อเป็นตัวกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ เขาเชื่อว่าภาษีศุลกากรจะสร้างตำแหน่งงานทางอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มมากขึ้น, ลดการขาดดุลของรัฐบาลกลาง, และทำให้ราคาอาหารลดต่ำลงได้

คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สอง ก็ยังคงหวนกลับมาหาภาษีศุลกากรอีก และก็เช่นเดียวกับในสมัยที่หนึ่ง เป็นการนำเอาเครื่องมือนี้มาใช้ด้วยเป้าหมายที่จะดึงลากเอาตำแหน่งงานและการลงทุนจากประเทศอื่นๆ [31] เข้ามาสู่สหรัฐฯ ทั้งนี้ในตอนนี้ทรัมป์ได้ข่มขู่ที่จะขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อเล่นงานทั้งแคนาดา [32], เม็กซิโก [33], และสหภาพยุโรป [34]

เขาขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 25% จากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ [35] ตลอดจนบังคับเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นอีก 10% จากสินค้าจีนทุกอย่าง [36] ไปแล้ว รวมทั้งยังกำลังข่มขู่ที่จะเก็บภาษีศุลกากรจากไต้หวัน [37]โดยเป็นความพยายามที่จะปลดเปลื้องอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันให้ออกมาจากที่นั่น

โดยพื้นฐานแล้ว ทรัมป์กำลังเรียกร้องประเทศอื่นๆ ให้แก้ไขการค้าที่ไม่มีความสมดุล ด้วยการซื้อสินค้าออกอเมริกันที่มีราคาแพงให้มากขึ้น เป็นการแลกเปลี่ยนกับการได้เข้าถึงตลาดสหรัฐฯอย่างไม่ประสบอุปสรรค [38]

เขากำลังพยายามที่จะสร้างฐานะการเป็นผู้ครอบงำอุตสาหกรรมของอเมริกันขึ้นมาใหม่อีกคำรบหนึ่ง ถึงแม้ฐานะดังกล่าวในอดีตปรากฏขึ้นมาได้ก็เพียงเพราะสภาวการณ์ที่มีความพิเศษเฉพาะของช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 [39] ในทำนองเดียวกัน สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้นำไปสู่ความตกต่ำเสื่อมโทรมของจีนในช่วงศตวรรษที่ 19 และที่ 20 ก็ได้ผ่านพ้นไปนานนมแล้ว [40]

ในการแข่งขันกับความได้เปรียบด้านต่างๆ ของจีนให้ได้นั้น สหรัฐฯจำเป็นต้องได้รัฐบาลที่ทรงความรู้ความสามารถและทรงประสิทธิภาพ ซึ่งมีศักยภาพในการวางแผนการระยะยาว ทว่าภายใต้ทรัมป์ สหรัฐฯกำลังสูญเสีย [41] ศักยภาพเช่นนี้ที่อ่อนปวกเปียกอยู่แล้วลงไปทุกวันๆ [42]

หนี้สินของอเมริกัน

สหรัฐฯคือระบบเศรษฐกิจผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากทั้งรัฐบาลและชาวอเมริกันต่างพากันก่อหนี้อย่างมากมายเป็นพิเศษ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายสำหรับการบริโภคของพวกเขา

ปัจจุบัน ยอดหนี้สินแห่งชาติของอเมริกาอยู่ในระดับสูงกว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์ [43] ขณะที่หนี้สินผู้บริโภคก็อยู่ที่ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ปี 2024 [44]

สหรัฐฯสามารถก่อหนี้สินสะสมเป็นปริมาณมหึมาเช่นนี้ได้ สืบเนื่องจากเงินดอลลาร์อเมริกันมีสถานะเป็นสกุลเงินสำรองของโลก [45] ทว่าสหรัฐฯเพิ่งนำเอาสกุลเงินดอลลาร์มาใช้เป็นอาวุธ [46] ด้วยการแช่แข็งสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ของพวกรัฐอธิปไตย [47] ตลอดจนกำลังใช้ฐานะการเป็นทุนสำรองของดอลลาร์ เพื่อนำเอากฎหมายและมาตรการแซงก์ชั่นของอเมริกันมาบังคับใช้นอกอาณาเขตไกลโพ้นไปจากเขตชายแดนของพวกเขา [48]

เรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดแรงผลักดันที่ใหญ่โต [49] –นำโดยพวกประเทศกลุ่มบริกส์ ที่ประกอบไปด้วย บราซิล, จีน, อียิปต์, เอธิโอเปีย, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, รัสเซีย, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – ในการนำเอาพวกเครื่องมือทางการเงินอย่างอื่นๆ มาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ [50]

เพื่อเป็นการตอบโต้ ทรัมป์ออกมาข่มขู่คุกคามจะขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 100% ต่อประเทศใดก็ตามที่พยายามทอดทิ้งดอลลาร์สหรัฐฯ [51]

เศรษฐกิจอเมริกันกำลังเติบโตขยายตัวขึ้นมาโดยผ่านการสูบลมทำให้ฟองสบู่สินทรัพย์ทั้งหลายบวมพอง [52] ทว่าเมื่อพิจารณาจากพวกมาตรวัดการกินดีอยู่ดีทางสังคมแล้ว ส่วนใหญ่กำลังแสดงให้เห็นว่าอยู่ในภาวะตกต่ำเสื่อมทรุด [53] สภาพเช่นนี้ยังบังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ความไร้เสถียรภาพทั้งทางสังคม, การเมือง, และเศรษฐกิจของอเมริกันกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

ฐานะครอบงำของผลิตภัณฑ์จีน

จีนเวลานี้มีการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศใต้ ในปริมาณสูงเกินกว่าการส่งออกไปยังโลกตะวันตกแล้ว [54] พวกบริษัทและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของจีนกำลังอยู่ฐานะครอบงำทั้งที่เอเชีย, แอฟริกา, และละตินอเมริกา [55]

สำหรับกลุ่มประเทศใต้แล้ว เป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างชัดเจน [56] จากการที่สามารถเข้าถึงพวกเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจากประเทศจีนซึ่งมีคุณภาพสูงและราคาอยู่ในระดับซื้อหากันไหว พวกโลกอุตสาหกรรมพัฒนาแล้ว ก็สามารถที่จะได้ประโยชน์อย่างสำคัญจากบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตของจีนเช่นกัน ทว่าเป็นไปได้ทีเดียวที่ราคาซึ่งพวกเขาต้องจ่ายเพื่อการนี้นั้น ต้องรวมถึงการสูญเสียศักยภาพทางอุตสาหกรรมที่ปักหลักมั่นคงของพวกเขาเองเอาไว้ด้วย

ขณะที่บางรัฐอาจเลือกที่จะสกัดกั้นสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมต่างๆ ของพวกเขาเอง [57] แต่จากการที่จีนมีฐานะครอบงำอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ย่อมหมายความว่าทุกๆ ประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จีนบางส่วน อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมหรือประคับประคองอุตสาหกรรมเอาไว้ สำหรับประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่แล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ที่จะตัดขาดการค้าทุกสิ่งทุกอย่างกับจีนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด [58]

โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งโลกาภิวัตน์ สำหรับรัฐจำนวนมากแล้ว นี่หมายความถึงการที่ต้องพยายามรักษาตัวให้พ้นห่างจากการถูกบ่อนทำลายทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ โดยที่เวลาเดียวกันนั้น ก็ต้องคอยวินิจฉัยตัดสินถึงวิธีการในการบริหารจัดการกับต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองจากการมีปฏิสัมพันธ์กับสมรรถนะทางอุตสาหกรรมอันใหญ่โตมโหฬารของประเทศจีน

ฌอน นารีน เป็นศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเซนต์โธมัส (St Thomas University) เมืองเฟรเดอริกตัน (Fredericton) รัฐนิวบรันสวิก ประเทศแคนาดา

ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยสามารถติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/while-the-u-s-threatens-tariffs-and-builds-walls-around-its-economy-china-opens-up-245012

เชิงอรรถ
[1] https://theconversation.com/u-s-tariff-threat-how-it-will-impact-different-products-and-industries-248824
[2] https://asiatimes.com/2025/01/china-continues-to-shift-exports-to-global-south/
[3] https://www.ndtv.com/world-news/despite-donald-trumps-threats-china-remains-undeterred-about-opening-up-economy-7391929
[4] https://www.scmp.com/economy/global-economy/article/3284329/china-sharpens-edge-global-trade-zero-tariff-deal-developing-world
[5] https://asianews.network/investing-in-china-an-opportunity-premier-li-qiang/
[6] https://www.nytimes.com/2025/01/12/business/china-trade-surplus.html#:%7E:text=On%20Monday%2C%20China's%20General%20Administration,was%20%24838%20billion%20in%202022.
[7] https://www.visualcapitalist.com/the-worlds-largest-exporters-of-goods/
[8] https://www.nytimes.com/2024/09/24/business/china-trade-russia-north-korea.html
[9] https://www.weforum.org/stories/2023/11/china-belt-road-initiative-trade-bri-silk-road/#:%7E:text=The%20massive%20infrastructure%20project%20aims,countries%20and%2030%20international%20organizations.
[10] https://thechinaacademy.org/economist-keyu-jin-chinas-recession-is-not-necessarily-a-bad-thing/
[11] https://geopoliticaleconomy.com/2024/01/31/china-world-manufacturing-superpower-production/
[12] https://www.visualcapitalist.com/charted-chinas-rise-to-manufacturing-dominance-over-30-years/
[13] https://chinapower.csis.org/tracker/china-manufacturing/
[14] https://hbr.org/2024/08/the-4-key-strengths-of-chinas-economy-and-what-they-mean-for-multinational-companies
[15] https://www.techradar.com/pro/china-leads-in-up-to-89-of-tech-research-study-shows
[16] https://www.reuters.com/technology/artificial-intelligence/what-is-deepseek-why-is-it-disrupting-ai-sector-2025-01-27/
[17] https://www.gmfus.org/news/chinas-dominance-global-supply-chains
[18] https://eprints.lse.ac.uk/125366/1/978-981-19-8057-2_24.pdf
[19] https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2024/12/26/unlocking-domestic-demand-key-to-reviving-growth-momentum-in-china-world-bank-economic-update
[20] https://think.ing.com/articles/china-economy-not-in-a-great-decline-but-in-a-great-transition/
[21] https://www.visualcapitalist.com/the-worlds-largest-consumer-markets-in-2030/
[22]https://gpseducation.oecd.org/CountryProfile?primaryCountry=CHN&treshold=10&topic=EO
[23] https://cset.georgetown.edu/article/the-global-distribution-of-stem-graduates-which-countries-lead-the-way/
[24] https://asia.nikkei.com/Business/China-tech/China-leads-high-tech-research-in-80-of-critical-fields-report
[25] https://www.aspi.org.au/report/aspis-two-decade-critical-technology-tracker
[26] https://itif.org/publications/2024/09/16/china-is-rapidly-becoming-a-leading-innovator-in-advanced-industries/
[27] https://www.morganstanley.com/ideas/china-lower-tier-cities
[28] https://www.scmp.com/tech/tech-trends/article/3287511/china-surpasses-germany-and-japan-industrial-robotics-adoption-density-report
[29] https://doi.org/10.1051/e3sconf/202021402025
[30] https://www.pbs.org/newshour/economy/trump-favors-huge-new-tariffs-how-do-they-work
[31] https://www.reuters.com/world/us/trump-set-offer-federal-lands-other-incentives-firms-relocating-us-2024-09-24/
[32] https://www.reuters.com/world/americas/canadas-trudeau-announces-counter-tariffs-2025-02-02/
[33] https://www.bbc.com/news/articles/c87d5rlee52o
[34] https://www.nytimes.com/2025/02/11/business/trump-tariffs-steel-european-union.html
[35] https://www.nytimes.com/2025/02/11/business/economy/tariffs-steel-aluminum-manufacturing.html
[36] https://www.bbc.com/news/live/c8d90v1m6qvt
[37] https://itif.org/publications/2025/01/28/trump-s-proposed-tariffs-on-taiwanese-semiconductors-would-backfire/
[38] https://www.nbcnews.com/business/economy/trump-trade-deficit-what-is-it-how-tariffs-impact-rcna190893
[39] https://www.investopedia.com/ask/answers/112814/how-did-world-war-ii-impact-european-gdp.asp
[40] https://www.uscc.gov/sites/default/files/3.10.11Kaufman.pdf
[41] https://www.nytimes.com/2025/02/11/opinion/trump-vought-musk-second-term.html
[42] https://www.theguardian.com/us-news/2025/feb/04/trump-elon-musk-federal-government
[43] https://fiscaldata.treasury.gov/americas-finance-guide/national-debt/
[44] https://www.experian.com/blogs/ask-experian/research/consumer-debt-study/#:%7E:text=Consumers%20in%20the%20United%20States,%2C%20up%202.4%25%20from%202023.
[45] https://www.imf.org/en/Blogs/Articles/2024/06/11/dollar-dominance-in-the-international-reserve-system-an-update
[46] https://www.lse.ac.uk/ideas/Assets/Documents/updates/LSE-IDEAS-Weaponisation-Dollar.pdf
[47] https://foreignpolicy.com/2023/11/27/russia-ukraine-war-central-bank-reserves-assets-seize-reparations-sanctions/
[48]https://www.europarl.europa.eu/RegData/etudes/STUD/2020/653618/EXPO_STU(2020)653618_EN.pdf
[49] https://thediplomat.com/2024/12/brics-currency-may-not-upstage-the-us-dollar-anytime-soon/
[50] https://www.nasdaq.com/articles/how-would-new-brics-currency-affect-us-dollar-updated-2025#:%7E:text=Should%20the%20BRICS%20nations%20establish,United%20States%20and%20global%20economies.
[51] https://www.reuters.com/markets/currencies/trump-repeats-tariffs-threat-dissuade-brics-nations-replacing-us-dollar-2025-01-31/
[52] https://markets.businessinsider.com/news/stocks/global-investors-us-stock-market-debt-dollar-rally-bubble-correction-2024-12
[53] https://www.nytimes.com/2025/02/04/briefing/the-us-economy-is-racing-ahead-almost-everything-else-is-falling-behind.html
[54] https://asiatimes.com/2025/01/china-continues-to-shift-exports-to-global-south/
[55] https://hbr.org/2024/08/the-4-key-strengths-of-chinas-economy-and-what-they-mean-for-multinational-companies
[56] https://www.scmp.com/opinion/china-opinion/article/3291558/chinas-ties-global-south-show-different-world-order-possible
[57] https://www.nytimes.com/2024/03/12/business/china-exports-backlash.html
[58] https://www.cnbc.com/2024/02/26/china-still-top-trading-partner-for-many-countries-says-adb.html
กำลังโหลดความคิดเห็น