ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนวานนี้ (26 ก.พ.) หลังถูกยิงคำถามว่าสหรัฐฯ จะยอมให้จีนใช้กำลังเข้ายึดไต้หวันหรือไม่
“ผมไม่ขอตอบเรื่องนี้นะ” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบขาว
“ผมไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดนั้น”
คำตอบของ ทรัมป์ มีขึ้นในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า สหรัฐฯ มีนโยบายไม่ยอมให้จีนใช้กำลังยึดไต้หวันอย่างแน่นอนภายใต้รัฐบาลของเขาใช่หรือไม่
ทรัมป์ ระบุว่าตนต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน รวมถึงในด้านการลงทุนข้ามแดน แม้จะเพิ่งสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจีนอยู่หยกๆ ก็ตาม
ปักกิ่งไม่ปฏิเสธทางเลือกในการใช้กำลังทหารเข้ายึดครองเกาะไต้หวันซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ขณะที่รัฐบาลไทเปคัดค้านการอ้างอธิปไตยของจีนมาโดยตลอด
ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Fox News โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีจุดยืนต่อไต้หวันที่ชัดเจนมานานแล้วว่าจะไม่ทอดทิ้ง ซึ่งก็หมายถึงไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังหรือการข่มขู่เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของไต้หวัน
“อเมริกามีพันธกรณีที่จะต้องป้องกันไม่ให้สถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น และจะต้องตอบสนองมัน ซึ่งเราก็จะทำ... จีนเองก็ทราบเรื่องนี้ดี” เขากล่าว หลังถูกถามว่าสหรัฐฯ จะทำเช่นไรหากจีนยกพลโจมตีไต้หวันจริงๆ
สหรัฐฯ ย้ายข้างจากไทเปมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในปี 1979 และยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่สนับสนุนการประกาศเอกราชโดยไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการกับไต้หวัน และถือเป็นผู้สนับสนุนและซัปพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ที่สุดของไทเป ภายใต้กฎหมายซึ่งกำหนดให้อเมริกาต้องจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเองได้
รัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดที่ผ่านมายังยึดถือนโยบาย “ความกำกวมเชิงยุทธศาสตร์” (strategic ambiguity) ซึ่งหมายถึงการไม่ประกาศชัดเจนว่าจะส่งทหารเข้าช่วยเหลือไต้หวันหรือไม่ในกรณีที่จีนโจมตี
อดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน เคยแหกธรรมเนียมนี้ด้วยการออกมาพูดว่า กองกำลังสหรัฐฯ พร้อมปกป้องไต้หวันจากการโจมตีของจีน
ที่มา : รอยเตอร์