กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกบันทึกข้อความถึงศาลเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) โดยระบุให้มีการ “แยก” ทหารข้ามเพศออกจากกองทัพ เว้นเสียแต่จะมีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเท่ากับเป็นการห้ามไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้าร่วมหรือปฏิบัติภารกิจในกองทัพไปโดยปริยาย
ความเคลื่อนไหวนี้ถือว่าไปไกลกว่าคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใช้กับกลุ่มคนข้ามเพศในช่วงรัฐบาลเทอมแรก และนักเคลื่อนไหวชี้ว่ารุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อเดือนที่แล้วโดยพุ่งเป้าโจมตีไปยังประเด็นส่วนบุคคลของคนข้ามเพศ กล่าวคือมีการระบุว่า ชายที่ประกาศตัวเป็นหญิงนั้น “ไม่สอดคล้องกับหลักความอ่อนน้อม (humility) และความไม่เห็นแก่ตัว (selflessness) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทหารต้องมี”
เพนตากอนประกาศในเดือนนี้ว่า กองทัพสหรัฐฯ จะไม่อนุญาตให้คนข้ามเพศเข้ารับราชการอีกต่อไป และจะหยุดให้บริการรักษาแปลงเพศแก่บุคลากรกองทัพด้วย
ล่าสุด บันทึกข้อความที่ออกเมื่อค่ำวันพุธ (26) ถือเป็นการขยายคำสั่งแบนให้ครอบคลุมถึงบุคลากรกองทัพสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
เนื้อหาของบันทึกข้อความกำหนดให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไปดำเนินการระบุตัวตนทหารที่เป็นคนข้ามเพศภายใน 30 วัน และให้ “ปลดประจำการ” ทหารกลุ่มนี้ภายใน 30 วันหลังจากนั้น
“รัฐบาลสหรัฐฯ มีนโยบายที่จะสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นในด้านความพร้อม (readiness) ความร้ายกาจในการทำลายล้าง (lethality) การทำงานร่วมกัน (cohesion) ความซื่อสัตย์ (honesty) ความอ่อนน้อม (humility) ความเป็นแบบเดียวกัน (uniformity) และบูรณภาพ (integrity) ของทหาร” บันทึกข้อความซึ่งลงวันที่ 26 ก.พ. ระบุ
“นโยบายดังกล่าวนี้ไม่อาจไปกันได้กับข้อจำกัดทางการแพทย์ การผ่าตัด และสุขภาพจิตของบุคคลที่มีความทุกข์ใจในเพศสภาพของตัวเอง (gender dysphoria) หรือได้รับการวินิจฉัย หรือมีประวัติแสดงอาการทุกข์ใจในเพศสภาพ”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ได้มีข้อกำหนดให้ทหารต้องระบุว่าตนเองเป็นคนข้ามเพศหรือไม่ และไม่มีข้อมูลสถิติที่แน่นอนว่าปัจจุบันมีทหารข้ามเพศอยู่มากน้อยเท่าไหร่
เพนตากอนระบุว่า คำสั่งนี้จะมีข้อยกเว้นให้เฉพาะกรณีที่รัฐบาล “มีเหตุอันสมควรที่จะต้องคงบุคลากรคนดังกล่าวเอาไว้ เพื่อสนับสนุนศักยภาพในการทำสงคราม”
เพื่อที่จะได้รับการยกเว้น ทหารทุกนายยังต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น “แสดงออกถึงเพศที่เสถียรต่อเนื่องเป็นเวลา 36 เดือน โดยปราศจากความเครียดในทางคลินิก”
ระหว่างดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เทอมแรกเมื่อช่วงปี 2017-2021 ทรัมป์ประกาศจะแบนไม่ให้คนข้ามเพศรับราชการในกองทัพเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำตามที่ขู่ เพียงแต่แช่แข็งการรับคนเพิ่ม และยังคงอนุญาตให้บุคลากรข้ามเพศปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
“ขอบเขตและความรุนแรงของคำสั่งแบนครั้งนี้ไม่เคยมีมาก่อน และมันเท่ากับขับไล่คนข้ามเพศออกจากกองทัพ” แชนนอน มินเตอร์ จากศูนย์เพื่อสิทธิเลสเบียนแห่งชาติ (National Center for Lesbian Rights - NCLR) ระบุ
พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยออกมารับรองในเดือนนี้ว่า บุคลากรกองทัพที่มีความทุกข์ใจในเพศสภาพ “จะได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติและเคารพ”
ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ มีทหารประจำการเต็มเวลาราว 1.3 ล้านนายตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหม และแม้นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนข้ามเพศจะระบุว่ามีทหารข้ามเพศอยู่มากถึง 15,000 นาย แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะอยู่แค่หลัก “พันต้นๆ”
ผลสำรวจของแกลลัปที่เผยแพร่ในเดือนนี้ระบุว่า ชาวอเมริกัน 58% สนับสนุนให้คนข้ามเพศสามารถรับราชการในกองทัพได้ ทว่าลดลงจากสถิติ 71% เมื่อปี 2019
ที่มา : รอยเตอร์