ฝรั่งเศสเตรียมขยายการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเองไปยังชาติอื่นๆ ในยุโรป และส่งฝูงบินรบติดอาวุธนิวเคลียร์ไปประจำการในเยอรมนี หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานในวันจันทร์ (24 ก.พ.) อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่แดนน้ำหอมที่ไม่เปิดเผยชื่อ ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังนำพาสหรัฐฯ ตีตัวออกห่างจากพันธมิตร
รายงานข่าวนี้มีขึ้นในขณะที่ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้ซึ่งนำพรรคคริสเตียน เดโมแครต ยูเนียน (CDU) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งรัฐสภาเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เรียกร้องสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ขยายขอบเขตการป้องกันทางนิวเคลียร์ของพวกเขามายังเยอรมนี ทั้งนี้คลังแสงนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส คาดหมายว่ามีอยู่ราว 300 หัวรบ ปัจจุบันปฏิบัติการเป็นอิสระจากนาโต ผิดกับแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของสหราชอาณาจักร ที่ถูกรวมเข้ากับยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองของพันธมิตรทหารแห่งนี้
แหล่งข่าวทางการทูตของเยอรมนี เปิดเผยกับเทเลกราฟ ว่าการเจรจาในประเด็นนี้ยังไม่เริ่มต้นขึ้น และคำร้องอย่างเป็นทางการสำหรับการป้องปรามทางนิวเคลียร์ครอบคลุมทั้งอียู ไม่น่าจะมีขึ้น จนกว่าสหรัฐฯ จะถอนอาวุธนิวเคลียร์ออกจากเยอรมนี กระนั้นมีรายงานว่าทางพรรค CDU สนใจใน "ร่มนิวเคลียร์" และมีความตั้งใจจ่ายเพื่อสิ่งนี้ แหล่งข่าวทางการทูตเน้นว่าแนวโน้มที่เยอรมนีจะประจำการอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส อาจเป็นตัวกดดันให้สหราชอาณาจักรเจริญรอยตาม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสรายหนึ่งเปิดเผยกับเทเลกราฟ ว่าการประจำการเครื่องบินขับไล่ติดอาวุธนิวเคลียร์ในเยอรมนี "อาจไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก" และจะเป็นการส่งสารที่แข็งกร้าวไปถึงรัสเซีย ความคิดเห็นของเขาพูดเป็นนัยถึงความกังวลในหมู่ผู้นำอียูบางส่วน ต่อกรณีที่มอสโกอาจเปิดฉากโจมตีทางกลุ่มในอนาคต แม้ที่ผ่านมา วังเครมลินออกมาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างว่า มาครง ได้พูดคุยหารือในประเด็นดังกล่าวกับ แมร์ซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนำเสนอแผนความมั่นคงยุโรปของเขาแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้ซึ่งบอกว่าอเมริกาจะไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในการรับประกันความมั่นคงแห่งยูเครน ครั้งที่บรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างเคียฟกับมอสโก
ในอดีตที่ผ่านมา มาครง เคยเรียกร้องให้อียูคลอดแผนป้องกันตนเองครั้งใหญ่ เพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและจัดตั้งกองทัพยุโรป สืบเนื่องจากความตึงเครียดกับรัสเซีย และวอชิงตันปฏิเสธเดินหน้าค้ำยันความมั่นคงของยุโรป ทั้งนี้ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับระดับการใช้จ่ายด้านกลาโหมของบรรดาชาติสมาชิกยุโรปของนาโต และขู่ถอนการปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ยอมจ่ายในสัดส่วนที่ยุติธรรม
รัสเซีย ยืนกรานปฏิเสธว่ามีเคยมีความตั้งใจโจมตีนาโต โดยประธานาธิบดีปูตินให้คำจำกัดความข่าวลือดังกล่าวว่า "ไร้สาระ" ขณะเดียวกันมอสโกยังได้เน้นคำพันธสัญญาที่มีต่อการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และหลักการนิวเคลียร์ของพวกเขาอนุญาตให้ใช้อาวุธดังกล่าวก็ต่อเมื่ออธิปไตยหรือความอยู่รอดของประเทศตกอย่ในความเสี่ยง
วังเครมลิน ยังส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์นาโต ซ้ำๆ ต่อกรณียังคงเดินหน้าขยายอาณาเขต ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลรากเหง้าที่ทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามบานปลาย
(ที่มา : เทเลกราฟ/อาร์ทีนิวส์)