ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ควรออกจากยูเครน "ในทันที" และย้ายไปยังฝรั่งเศส เพื่อที่จะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพูดคุยสันติภาพกับรัสเซีย หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ตัวผู้นำอเมริกาออกมาระบุว่า เซเลนสกี ไม่ความสำคัญใดๆ บนโต๊ะหารือ และรังแต่จะทำให้การเจรจานั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับเคียฟโหมกระพือหนักหน่วงขึ้นในสัปดาห์นี้ หลัง เซเลนสกี วิพากษ์วิจารณ์ ทรัมป์ สำหรับการยุติช่วงเวลาแห่งการไม่พูดคุยเจรจากับรัสเซีย โดยเมื่อวันอังคาร (18 ก.พ.) พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซีย พบปะกันในซาอุดีอาระเบีย ในการเจรจาระดับสูงที่มีเป้าหมายฟื้นฟูความสัมพันธ์ และคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน
เซเลนสกี เรียกร้องขอที่นั่งบนโต๊ะเจรจา แต่ ทรัมป์ บอกว่าผู้นำยูเครนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของเคียฟไม่อยู่ในสถานะที่จะคร่ำครวญได้ โดยกล่าวโทษ เซเลนสกี ต่อความล้มเหลวในการคลี่คลายความขัดแย้งกับรัสเซีย แม้มีเวลานานหลายปีให้ทำเช่นนั้น
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทำเนียบขาวบอกกับนิวยอร์กโพสต์ เกี่ยวกับข้อเสนอแนะให้ เซเลนสกี ออกจากยูเครนแล้วย้ายไปฝรั่งเศส ว่าพัฒนาการนี้ "ไม่ใช่เรื่องใหม่" และ "ผมเคยได้ยินเมื่อหลายเดือนก่อน มันถึงเวลาแล้วสำหรับการเลือกตั้งในยูเครนและผู้นำคนใหม่" แหล่งข่าวบอก พร้อมเน้นย้ำว่าเสียงต่อต้านเซเลนสกี ขยายวงกว้างมากขึ้นภายในคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์
แหล่งข่าวอีกคนที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า "มันคงจะดีที่สุดสำหรับเซเลนสกีและทั่วโลก หากว่าเขาเดินทางออกไปยังฝรั่งเศสในทันที"
เซเลนสกี ปฏิเสธจัดการเลือกตั้งใหม่ แม้วาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาหมดลงไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 โดยกล่าวอ้างกฎอัยการศึกสืบเนื่องจากความขัดแย้งที่ยังคงสู้รบกันอยู่
เมื่อวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์ ชี้ว่าความเป็นผู้นำของเซเลนสกีนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายและมีคะแนนนิยมดำดิ่งแค่ 4% ต่อมาผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่า "เซเลนสกีปฏิเสธการเลือกตั้ง คะแนนนิยมต่ำมากในโพลของยูเครน จะดีกว่าถ้าเขาจะเคลื่อนไหวด่วนจี๋เลย ไม่อย่างงั้นเขาจะไม่มีประเทศเหลืออยู่"
เซเลนสกี ตอบโต้ด้วยการกล่าวหา ทรัมป์ เน้นย้ำข้อมูลบิดเบือนจากรัสเซีย และอ้างผลโพลประธานาธิบดีที่ระบุว่าเขามีคะแนนนิยม 57% "ถ้ามีใครอยากมาแทนที่ผมในตอนนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น" เขากล่าว
การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย กีดกันไม่ให้ ยูเครน มีส่วนร่วม และในช่วงปลายสัปดาห์ ทรัมป์ เน้นย้ำว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี "ไม่มีความสำคัญใดๆ" ต่อการพูดคุย และรังแต่จะทำให้การเจรจานั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
"เขาประชุมมากว่า 3 ปี กับประธานาธิบดีคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำอะไรอยู่" ทรัมป์กล่าว อ้างถึงอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน และปฏิเสธเสียงโวยวายของเซเลนสกี ต่อกรณีที่ยูเครนไม่มีตัวแทนเข้าร่วมในการเจรจาเมื่อเร็วๆ นี้ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน ในซาอุดีอาระเบีย
"เขาร่วมประชุมต่างๆ มา 3 ปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรสำเร็จ ดังนั้นด้วยความสัตย์จริง ผมไม่คิดว่าเขาจะมีความสำคัญมากกับประชุมเจรจาใดๆ เขาทำให้เป็นเรื่องยากที่จะทำข้อตกลง แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศของเขาสิ มันถูกทำลายล้างโดยสิ้นเชิง" ทรัมป์ระบุ
ความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟและวอชิงตัน ดูเหมือนจะเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ทรัมป์ และ เซเลนสกี เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จากทั้ง 2 ชาติ ต่างกล่าวหากันไปมา
นอกเหนือจากประเด็นอื่นๆ เซเลนสกีกล่าวอ้างว่าผู้นำสหรัฐฯ "อาศัยอยู่ในโลกบิดเบือนข้อมูลที่สร้างโดยรัสเซีย" และปฏิเสธข้อเสนอข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงแร่แรร์เอิร์ทของยูเครน สำหรับชดใช้เงินช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังปฏิเสธตัวเลขประมาณการของทรัมป์ เกี่ยวกับเงินช่วยเหลือที่เคียฟได้รับ อ้างว่าตัวเลขที่แท้จริงไม่ถึงครึ่งหนึ่งตามความกล่าวอ้างของทรัมป์ด้วยซ้ำ
เมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการที่ไม่จัดเลือกตั้ง" อ้างว่าผู้นำยูเครนมีคะแนนนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และเตือนเซเลนสกีว่าจะไม่มีประเทศหลงเหลือหากว่ายังดำเนินนโยบายต่างๆ เช่นนี้ต่อไป
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์/อาร์ทีนิวส์)