ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (22 ก.พ.) เน้นย้ำว่ากำลังพยายามทวงคืนเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย ยืนยันต้องการให้เคียฟคืนมาไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งแรร์เอิร์ธและน้ำมัน หรืออื่นๆ
ความเห็นของทรัมป์ มีขึ้นในขณะที่วอชิงตันกับเคียฟกำลังต่อรองกันในข้อตกลงทรัพยากรแร่ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ต้องการมันเป็นค่าชดเชยเงินช่วยเหลือที่อเมริกามอบให้แก่ยูเครนในช่วงเวลาแห่งสงคราม ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ในการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ ในช่วงเดือนแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ดำเนินการเลียบเคียงทาบทามทางการทูตเข้าหาวังเครมลิน ให้ความสำคัญเหนือยูเครนและยุโรป
ล่าสุด ทรัมป์ บอกกับบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มสนับสนุนแนวคิดอนุรักษนิยม Conservative Political Action Conference (CPAC) ใกล้วอชิงตัน ว่า "ผมพยายามทวงคืนกลับมา หรือกู้คืนเงินกลับมา ผมต้องการให้พวกเขามอบบางอย่างให้เรา สำหรับเงินทั้งหมดที่เราใส่ลงไป เรากำลังร้องขอแร่แรร์เอิร์ธและน้ำ หรืออื่นๆ ที่เราสามารถเอามาได้"
"เรากำลังทวงเงินของเราคืน เพราะว่ามันไม่ยุติธรรม และเราจะได้เห็นกัน แต่ผมคิดว่าเราใกล้ได้ข้อตกลงแล้ว และมันจะดีกว่าที่เราใกล้ได้ข้อตกลง เพราะมันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว" ทรัมป์ระบุ
ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่พร้อม" ลงนามในข้อตลงดังกล่าว แม้ถูกสหรัฐฯ กดดันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
คีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษของทรัมป์ ซึ่งพบปะกับเซเลนสกีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระบุประธานาธิบดียูเครนตระหนักดีว่าการลงนามในข้อตกลงหนึ่งๆ กับสหรัฐฯ นั้น "มีความสำคัญยิ่ง"
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวยูเครนบอกกับเอเอฟพีว่าเคียฟต้องการคำรับประกันก่อนเป็นลำดับแรก "ในโครงร่างของมัน ซึ่งร่างขึ้นมาแล้วในตอนนี้ ท่านประธานาธิบดีไม่พร้อมที่จะตอบรับมัน เรายังคงพยายามแก้ไขและเพิ่มเติมในเชิงสร้างสรรค์"
ยูเครนต้องการข้อตกลงใดๆ ที่ลงนามกับสหรัฐฯ นับรวมการรับประกันความมั่นคงอยู่ในนั้นด้วย ในขณะที่พวกเขายังคงสู้รบต้านทานการรุกรานของรัสเซีย ที่ใกล้ครบ 3 ปีแล้ว
การเจรจาระหว่าง 2 ชาติมีขึ้นท่ามกลางสงครามน้ำลายที่หนักหน่วงขึ้นระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ที่ก่อความกังวลอย่างยิ่งในเคียฟและยุโรป
เมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็นเผด็จการและเรียกร้องให้เขาดำเนินการอย่างรวดเร็วในการยุติสงคราม หนึ่งวันหลังจากเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ เปิดเจรจากันในซาอุดีอาระเบีย โดยที่เคียฟไม่มีส่วนร่วมใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐฯ ได้เสนอญัตติหนึ่งต่อสหประชาชาติในประเด็นความขัดแย้งยูเครน โดยละเว้นการพาดพิงใดๆ เกี่ยวกับดินแดนของเคียฟที่ถูกรัสเซียยึดครอง
ทรัมป์ ร้องขอแร่แรร์เอิร์ธมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชดเชยเงินช่วยเหลือที่มอบแก่เคียฟ ราคาที่ยูเครนลังเลที่จะตอบรับ และมากกว่าตัวเลขความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะค่อนข้างมาก
"ไม่มีภาระผูกพันของอเมริกาในข้อตกลงเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงหรือการลงทุน ทุกอย่างดูคลุมเครือมากๆ และพวกเขาต้องการรีดเงินจากเรา 500,000 ล้านดอลลาร์" แหล่งข่าวยูเครนบอกกับเอเอฟพี "มันเป็นรูปแบบความเป็นคู่หูแบบไหน แล้วทำไมเราถึงจำเป็นต้องให้เงิน 500,000 ล้านดอลลาร์ ไม่มีคำตอบ" พร้อมระบุยูเครนเสนอแก้ไขร่างข้อตกลงนี้
อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือด้านการทหารยูเครนไปแล้วกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาพันธมิตรของเคียฟ แต่มันก็น้อยกว่าตัวเลขที่ทรัมป์กล่าวอ้างเป็นอย่างมาก
สถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) แห่งเยอรมนี ประมาณการว่าจากปี 2022 จนถึงสิ้นปี 2024 ทางสหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทั้งด้านการเงิน ด้านมนุษยธรรมและด้านการทหารแก่ยูเครน รวมแล้วราว 114,200 ล้านยูโร (119,800 ล้านดอลลาร์)
ข้อพิพาทระหว่างวอชิงตันกับเคียฟเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของความขัดแย้ง ในขณะที่การรุกรานยูเครนของรัสเซียจะครบรอบ 3 ปีในวันจันทร์ (24 ก.พ.) และกองกำลังเคียฟกำลังล่าถอยจากแนวหน้าอย่างช้าๆ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวอ้างในวันเสาร์ (22 ก.พ.) ว่าสามารถยึดเมืองโนโวลยูบิฟกา ในแคว้นลูฮันส์ก ได้อีกแห่ง ในขณะที่แคว้นแห่งนี้ส่วนใหญ่แล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างพูดคุยกับเซเลนสกีในวันเสาร์ (22 ก.พ.) เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประกาศว่าแรงสนับสนุนที่สหราชอาณาจักรมอบแก่ยูเครนนั้น "ยังคงเข้มแข็ง" กระตุ้นให้ เซเลนสกี ตอบสนองด้วยการยกย่องสหราชอาณาจักร สำหรับการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำในการทำสงครามกับรัสเซีย
(ที่มา : เอเอฟพี)