ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) ว่าเขาคาดหมายว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ แต่ยังไม่ขอระบุช่วงเวลาที่แน่นอน
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ทรัมป์กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้” ที่สหรัฐฯ และจีนอาจจะทำข้อตกลงการค้ากันใหม่ พร้อมกับชี้ว่า เมื่อปี 2020 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของวาระแรกแห่งการเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯ ก็ได้ตกลงทำ “ข้อตกลงการค้าฉบับยิ่งใหญ่กับจีน” ไปแล้ว
ทั้งนี้ ข้อตกลงฉบับดังกล่าวที่เรียกชื่อกันว่า “เฟสวัน” กำหนดให้จีนเพิ่มการซื้อสินค้าออกสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 2 ปี ทว่าปักกิ่งล้มเหลวไม่ได้ทำตามเป้าหมายนี้เมื่อเกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ขึ้นมา ขณะที่ในเวลานี้ บทสนทนาและการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สี และ ทรัมป์ ถูกมองว่าอาจจะเป็นกุญแจนำไปสู่การผ่อนคลาย หรืออย่างน้อยก็ชะลอการทำสงครามการค้าและสงครามขึ้นภาษีศุลกากรระหว่างกัน
ทรัมป์กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวในวันพุธว่า ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง “มีการแข่งขันกันอยู่นิดหน่อย แต่ความสัมพันธ์ที่ผมมีอยู่กับประธานาธิบดีสีนั้น ผมขอบอกว่า ยอดเยี่ยมทีเดียว
ประธานาธิบดีอเมริกันยังพูดถึงเรื่องที่มีผู้นำประเทศจำนวนมาก อย่างเช่นฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ต่างตบเท้ามาเยือนอเมริกาอย่างไม่ขาดสายเพื่อหารือกับตัวเขา นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. และแสดงความมั่นใจว่า “ท้ายที่สุดแล้วเราก็จะต้อนรับประธานาธิบดี สี เราจะต้อนรับทุกคน (มาเยือนสหรัฐฯ)”
สี เดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2023 ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งที่ 5 ในฐานะประธานาธิบดีจีน เพื่อร่วมประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยผลของการพูดคุยก็ได้นำมาสู่ข้อตกลงฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนความร่วมมือในการกวาดล้างสารเสพติดเฟนทานิลที่เป็นปัญหาสาธารณสุขเรื้อรังในอเมริกา
ทรัมป์ และ สี ก็ได้พูดคุยกันมาแล้วทางโทรศัพท์ตั้งแต่ก่อนที่ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่ง โดยมีการหารือกันหลายเรื่องตั้งแต่ปัญหาติ๊กต็อก แพลตฟอร์มสื่อสังคมยอดนิยม เรื่องการค้า ไปจนถึงประเด็นไต้หวัน
ผู้นำสหรัฐฯ บอกพวกผู้สื่อข่าวในวันพุธว่า เขากำลังพูดคุยกับทางการจีนเกี่ยวกับอนาคตของติ๊กต็อก โดยวอชิงตันนั้นพยายามผลักดันให้มีการขายกิจการในสหรัฐฯ ของแอปแชร์วิดีโอสั้นชื่อดังแห่งนี้ ที่มีไบต์แดนซ์ บริษัทแม่สัญชาติจีนเป็นเจ้าของ
ก่อนหน้านั้นในสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ระบุว่าเขาได้พูดคุยกับ สี หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำอเมริกาเทอมสองด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยหัวข้อและรายละเอียดของการหารือ
สำหรับปฏิกิริยาของฝ่ายจีนต่อการแถลงล่าสุดของทรัมป์คราวนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงในวันพฤหัสบดี (20) ว่า จีนกับสหรัฐฯ “ควรแก้ไขคลี่คลายเรื่องที่พวกเขาสนใจห่วงใยโดยผ่านการสนทนาและการปรึกษาหารือกัน โดยยึดโยงอยู่กับหลักความเสมอภาคและความเคารพซึ่งกันและกัน”
“สงครามการค้าและสงครามภาษีศุลกากรนั้นไม่มีใครเป็นผู้ชนะ มีแต่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของประชาชนตลอดทั่วทั้งโลกเท่านั้น” กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติ
ขณะที่ วันเดียวกันนั้น กระทรวงพาณิชย์จีน ระบุในการแถลงข่าวตามปกติแยกต่างหากออกไปว่า ปักกิ่ง “เรียกร้องฝ่ายสหรัฐฯ อย่าได้เอาแต่ควงกระบองใหญ่แห่งภาษีศุลกากรในทุกๆ ขั้นตอน เอาแต่ใช้ภาษีศุลกากรมาเป็นเครื่องมือเพื่อบังคับคนอื่นไปทั่ว”
ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 1 เดือนแรกแห่งสมัยสองของการดำรงตำแหน่งของเขา ทรัมป์ได้ข่มขู่ที่จะรีดภาษีศุลกากรไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้านำเข้าจากพวกชาติพันธมิตรหรือจากชาติปรปักษ์ โดยพุ่งเป้าเป็นพิเศษไปที่จีน และพวกเพื่อนบ้านของสหรัฐฯ อย่างแคนาดาและเม็กซิโก ตลอดจนสหภาพยุโรป
เฉพาะกับจีน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เขาขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 10% จากสินค้าทุกอย่างที่นำเข้าจากแดนมังกร ด้านปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีอัตรา 15% จากถ่านหินและก๊าซแอลเอ็นจีที่นำเข้าจากสหรัฐฯ และอัตรา 10% จากน้ำมันและสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น เครื่องจักรกลการเกษตรและยานยนต์
ปัจจุบันจีนยังคงมีฐานะเป็นประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ สูงที่สุดในรายการที่เป็นตัวสินค้า โดยมียอดรวมอยู่ที่ 295,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ตามข้อมูลของสำนักงานการวิเคราะห์เศรษฐกิจ ซึ่งสังกัดอยู่กับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)