กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ อัปเดตข้อแนะนำเกี่ยวกับคำนิยามเรื่องเพศ ผู้หญิง และผู้ชายเมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) โดยเป็นไปตามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้จำกัดสิทธิของกลุ่มคนข้ามเพศ
ข้อแนะนำของกระทรวงเน้นย้ำจุดยืนของรัฐบาล ทรัมป์ ว่าบุคคลมีเพียง 2 เพศคือ ชาย และหญิง ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกๆ ของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ หลังจากที่ได้รับการรับรองตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“รัฐบาลชุดนี้ได้กอบกู้สามัญสำนึก และฟื้นฟูข้อเท็จจริงทางชีวภาพกลับคืนสู่รัฐบาลกลาง” เคนเนดี กล่าว “นโยบายของรัฐบาลชุดก่อนหน้าที่พยายามจะยัดเยียดอุดมการณ์เรื่องเพศให้กับทุกๆ แง่มุมของชีวิตสาธารณะได้จบสิ้นลงแล้ว”
ทรัมป์ พยายามเข้ามายุติสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการโปรโมตอุดมการณ์ทางเพศโดยรัฐบาล ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงแนวคิดในการส่งเสริมมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมองว่าคำนี้แฝงไปด้วยนัยต่อต้าน LGBTQ และลดคุณค่าความเป็นมนุษย์
สิทธิคนข้ามเพศได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในสหรัฐฯ ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนที่พยายามรณรงค์ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยคนข้ามเพศในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งบริหารหลายฉบับเพื่อยกเลิกนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและปกป้องสิทธิของ LGBTQ+
ข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (19) ให้คำนิยามผู้หญิงว่าหมายถึง “บุคคลซึ่งมีเพศอันบ่งชี้ด้วยระบบสืบพันธุ์ที่มีหน้าที่ทางชีวภาพในการผลิตไข่” ส่วนผู้ชายนั้นหมายถึง “บุคคลซึ่งมีเพศอันบ่งชี้ด้วยระบบสืบพันธุ์ที่มีหน้าที่ทางชีวภาพในการผลิตสเปิร์ม”
“เพศของมนุษย์ซึ่งมีเพียงหญิงหรือชายเท่านั้นถูกกำหนดด้วยพันธุกรรมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ (ปฏิสนธิ) และสามารถสังเกตเห็นได้ก่อนการกำเนิด”
กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ยังประกาศดำเนินนโยบายตามคำสั่งของ ทรัมป์ ที่ห้ามมิให้มีการกระทำให้เด็กสูญเสียอวัยวะด้วยสารเคมีและการผ่าตัด (chemical and surgical mutilation) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมายถึงกระบวนการที่มักจะถูกเรียกว่า การดูแลเพื่อยืนยันเพศสภาพ (gender-affirming care) ซึ่งรวมถึงการให้ยาเพื่อยับยั้งการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หรือการผ่าตัดในบางกรณี
ทั้งนี้ ทางกระทรวงไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ขณะที่ผู้พิพากษาศาลส่วนกลางคนหนึ่งเคยมีคำสั่งยับยั้งไม่ให้หน่วยงานสาธารณสุขปฏิบัติตามคำสั่งของทรัมป์
ที่มา : รอยเตอร์