รัสเซียเรียกร้องวานนี้ (18 ก.พ.) ให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยกเลิกคำมั่นสัญญาในปี 2008 ที่ว่าจะมอบสมาชิกภาพให้แก่ยูเครน รวมถึงคัดค้านแนวคิดในการเปิดทางให้กองกำลังนาโตเข้าไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในยูเครนตามหลังข้อตกลงหยุดยิง
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า การหารือที่ซาอุดีอาระเบียซึ่งตนได้พบกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนฝ่ายกิจการตะวันออกกลางของสหรัฐฯ นับว่ามีประโยชน์ และเป็นเรื่องดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับฟังจุดยืนของกันและกัน
ทว่าในระหว่างที่การเจรจายังคงดำเนินอยู่นั้นเอง กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียก็ได้ออกมาแถลงว่า แค่การปฏิเสธรับยูเครนเข้านาโตในเวลานี้อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
"การปฏิเสธรับเคียฟเข้านาโตในตอนนี้อาจจะไม่เพียงพอแล้ว" มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
"นาโตจะต้องยกเลิกคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ที่บูคาเรสต์เมื่อปี 2008" เธอกล่าว โดยอ้างถึงการประชุมสุดยอดผู้นำนาโตในปีนั้นที่มีการสัญญาว่าจะรับทั้งยูเครนและจอร์เจียเข้าเป็นสมาชิกในอนาคต แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาหรือกระบวนการที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การได้รับสมาชิกภาพ
ภายหลังการเจรจากับคณะผู้แทนสหรัฐฯ เสร็จสิ้นลง ลาฟรอฟ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนและ ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของเครมลิน ได้เน้นย้ำจุดยืนของรัสเซียว่า การเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนคือสิ่งที่มอสโก "รับไม่ได้" อย่างเด็ดขาด
"เราได้อธิบายต่อเพื่อนร่วมงานในวันนี้เกี่ยวกับสิ่งที่ประธานาธิบดี (วลาดิมีร์) ปูติน ย้ำมาโดยตลอด นั่นคือ การขยายกลุ่มนาโต การดูดกลืนยูเครนเข้าสู่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อผลประโยชน์ของสหพันธรัฐรัสเซีย และเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออธิปไตยของเรา" ลาฟรอฟ กล่าว
เขายังปฏิเสธข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งอังกฤษที่อาสาจะส่งทหารอังกฤษ หรือแม้กระทั่งกองกำลังนาโต เข้าไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในยูเครน เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้ยุโรปหยุดพึ่งพาสหรัฐฯ ในด้านการป้องกันตนเอง
"เราได้อธิบายไปแล้ววันนี้ว่า การปรากฏตัวของกองกำลังจากประเทศนาโตภายใต้ร่มธงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรปหรือธงชาติใดๆ ก็ตาม จะไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้สำหรับเรา" ลาฟรอฟ กล่าว
ปฏิญญาบูคาเรสต์ ปี 2008 เป็นผลมาจากการประนีประนอมระหว่างสหรัฐฯ ซึ่งต้องการรับทั้งยูเครนและจอร์เจียเข้านาโต กับฝรั่งเศสและเยอรมนีซึ่งไม่ต้องการสร้างความขุ่นเคืองให้รัสเซีย
รัสเซียพูดย้ำเสมอมาว่า การที่นาโตเดินหน้ารับสมาชิกเพิ่มและขยายอาณาเขตอย่างต่อเนื่องภายหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สัญญารับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มอสโกตัดสินใจรุกรานยูเครน
นาโตยืนยันว่าพวกเขาเป็นกลุ่มพันธมิตรเพื่อการป้องกันตนเอง ไม่ได้มีความทะเยอทะยานในการขยายดินแดน และไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งในสงครามครั้งนี้ ทว่ารัฐสมาชิกนาโตบางประเทศก็ยังสนับสนุนเงินทองและอาวุธให้เคียฟใช้ทำสงครามต่อต้านรัสเซีย
ซาคาโรวา ระบุว่า ยูเครนจำเป็นต้องกลับไปสู่จุดยืนเดิมตอนที่ประกาศเอกราชเมื่อปี 1990 หลังสภาพโซเวียตล่มสลาย ซึ่งก็คือการประกาศตัวเป็นกลาง ไม่เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทางทหารใดๆ และเป็นรัฐปลอดนิวเคลียร์
ที่มา : รอยเตอร์