ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมายอมรับวานนี้ (14 ก.พ.) ว่ายูเครนมีโอกาส “น้อยเต็มที” ที่จะอยู่รอดจากการโจมตีของรัสเซีย หากปราศจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ
ถ้อยแถลงของผู้นำยูเครนมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หารือกับทั้ง เซเลนสกี และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในสัปดาห์นี้
“มันอาจจะเป็นเรื่องยากมาก และแน่นอนว่าในทุกๆ สถานการณ์ที่ยากลำบากคุณย่อมมีโอกาสเสมอ แต่โอกาสของเราจะน้อยเต็มที...น้อยมากที่จะสามารถอยู่รอดได้ หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา” เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับรายการ Meet The Press ทางสถานีโทรทัศน์ NBC News ซึ่งจะออกอากาศแบบเต็มในวันอาทิตย์นี้ (16)
ทรัมป์ ได้ต่อสายคุยกับ ปูติน และ เซเลนสกี แบบแยกกันเมื่อวันพุธ (12) ซึ่งถือเป็นความพยายามจริงจังครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะจบครามรัสเซีย-ยูเครนลงอย่างรวดเร็วตามที่เคยหาเสียงไว้
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า “เป็นไปได้ยาก” ที่ยูเครนจะถูกรับเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และเคียฟอาจจะไม่ได้ดินแดนทั้งหมดคืนจากรัสเซียซึ่งผนวกคาบสมุทรไครเมียไปตั้งแต่ปี 2014 และเปิดสงครามรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022
ยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากดินแดนที่ยึดครองทั้งหมด และยังเรียกร้องขอเข้าร่วมนาโต หรือไม่ก็จะต้องมีการค้ำประกันความมั่นคงอย่างเทียบเท่า เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารัสเซียจะไม่กล้ารุกรานซ้ำอีก
เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับ NBC News ว่า ปูติน ไม่ได้อยากเจรจาเพื่อยุติสงครามอย่างถาวร และแค่ต้องการหยุดยิงเพื่อผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร และซื้อเวลาให้กองทัพรัสเซียได้รวบรวมกำลังพลใหม่เท่านั้น
“นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เขาแค่ต้องการหยุดพัก เตรียมตัว ฝึกฝน และปลดล็อกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนจากผลของการหยุดยิง” เซเลนสกี ระบุ
ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า การหารือกับ ปูติน นั้นเป็นไปด้วยดีและใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่ทำเนียบเครมลินออกมาให้ข้อมูลว่าผู้นำทั้งสองคุยกันเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนทำเนียบประธานาธิบดียูเครนแถลงว่า ทรัมป์ ใช้เวลาคุยกับ เซเลนสกี แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง
ที่มา : รอยเตอร์